ประเทศไทยคาดว่าอีกประมาณไม่เกิน 2 ปีจากนี้เชื่อว่าเราจะสามารถเปิดใช้บริการ 4จี ได้
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) เปิดเผยว่า หลังจากกสทช.ได้ผ่านพ้นการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ตส์เพื่อให้บริการมือถือระบบ 3 จีไปแล้วเมื่อปลายปี 55 ที่ผ่านมา เท่าที่ติดตามผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทราบว่า คงจะสามารถเปิดให้บริการบางส่วนได้ ประมาณต้นเดือนเมษายนนี้
อย่างไรก็ตามแม้หลายฝ่ายยังคงมองว่าประเทศไทยก็ยังคงล่าช้ากว่าเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาวที่เปิดให้บริการมือถือระบบ 4 จีไปแล้ว แต่ก็ไม่ถือว่าล่าช้าไปมากเพราะบางประเทศเพิ่งเริ่มจะใช้ ส่วนประเทศไทยคาดว่าอีกประมาณไม่เกิน 2 ปีจากนี้เชื่อว่าเราจะสามารถเปิดใช้บริการ 4จี ได้ โดยล่าสุด กสทช.ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อเตรียมการเปิดประมูล 4จีแล้วเช่นกัน เนื่องจากสัญญาสัมปทานมือถือบนคลื่นความถี่1800 เมกะเฮิร์ตช์ระหว่างบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) กับบริษัททรูมูฟ และบริษัทดีพีซีจะหมดลงในเดือนกันยายนนี้ ทำให้ต้องมีการคลื่นความถี่กลับมาที่กสทช. ดังนั้นกสทช.จึงต้องนำคลื่นความถี่นี้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้คลื่นดังกล่าวยังเป็นระบบ 2จีหรืออัพเกรตเป็น 2.5จีก็ตาม แต่คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตช์ สามารถนำไปใช้เป็น 4G ได้แล้วในหลายประเทศทั่วโลก
แนวทางที่มีความเป็นไปได้ ก็คือการนำคลื่นดังกล่าวไปให้บริการมือถือระบบ 4 จีที่ทั่วโลกกำลังเดินไปสู่เทคโนโลยีนี้กันเพราะหากเรายังคงใช้เทคโนโลยีเดิมก็จะมีปัญหาในอนาคต นั่นคือการผลิตอุปกรณ์จะน้อยลง ทำให้การดูแลรักษาแพงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องตามให้ทันเทคโนโลยีให้ทัน หรือไม่ก็ต้องจ้างผลิตอุปกรณ์ที่ทั่วโลกไม่ผลิตแล้ว”
อย่างไรก็ตามการจะเดินไปสู่เทคโนโลยี่4 จีไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพราะหลังสิ้นสุดสัมปทานยังคงมีลูกค้าในระบบเดิมอยู่อีกกว่า 10 ล้านเลขหมาย กสทช.จึงต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเตรียมการทำงานและเริ่มทำงานเพื่อเตรียมการเมื่ออายุสัญญาสัมปทานหมดลงเพื่อดูแลผู้บริโภคเหล่านี้ว่าจะทำอย่างไร
ส่วนที่ว่า เมื่อมีการนำคลื่นความถี่4G มาใช้แล้วราคาค่าบริการถูกลง หรือไม่ ยืนยันได้ว่า ถูกลงแน่นอน เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปและการติดตั้งโครงข่ายต่างๆ การจัดการง่ายขึ้น จึงทำให้การลงทุนหรือต้นทุนต่ำลง ทั้งนี้ เมื่อการลงทุนต่ำลงก็ทำให้ราคาค่าบริการต่ำลงตามไปด้วยเช่นกัน เป็นไปตามแนวโน้มของระบบโทรคมนาคมที่ราคาจะลดต่ำลงไปเรื่องๆทุกปี ๆละประมาณ 5-8 %
อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาการประมูลนั้นตนเองคงไปชี้อะไรไม่ได้ แต่ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากการประมูลครั้งก่อนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนค่อนข้างมาก ทั้งที่การตั้งราคาประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ครั้งก่อนเราไม่ได้ถูกกว่าประเทศอื่น แต่ก็ถูกโจมตี