หากเหลือ 28 บาทต่อดอลลาร์ จะกระทบภาคธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างมาก
เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุ เงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ผู้ส่งออกเสียรายได้ 2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากเหลือ 28 บาทต่อดอลลาร์ จะกระทบภาคธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างมาก
นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 29.3-29.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้รายได้ผู้ส่งออกหายไปแล้วประมาณ 2 บาทต่อดอลลาร์ะหากยังคงแข็งค่าขึ้นทุก 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้รายได้จากการส่งออกหายไปประมาณ 1-1.5 บาทต่อดอลลาร์ โดยภาคเอกชนกังวลว่าเงินบาทจะแข็งค่าถึง 28 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากขณะนี้ ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งตลาดคู่ค้าชะลอตัว และการแข่งขันที่รุนแรง รวมทั้งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ต้องเข้ามาดูแลผลกระทบให้ผู้ส่งออก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะถูกกดราคาจากการรับจ้างผลิตสินค้าให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมทั้งการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
นายธนิต กล่าวอีกว่า เงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศในภูมิภาค แต่ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค จึงเป็นจังหวะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยของไทยกับต่างประเทศ และชะลอการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ