แสนสิริ ตั้งเป้ารายได้ปี 2556 แล้ว 36,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 30%
กลุ่มบริษัทแสนสิริโชว์ผลการดำเนินงานปี 2555 เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยยอดขายทะลุไปถึง 42,100 ล้านบาท สูงก้าวกระโดดถึง 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา จากการพัฒนา 52 โครงการ ครอบคลุมกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มูลค่ารวม 57,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมธุรกิจทั้งปี ลูกค้าให้ความไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดันกำไรที่คาดว่าจะเติบโตสูงกว่าปีก่อนตามยอดขาย พร้อมประกาศเป้าหมายรายได้ปี 2556 แล้ว 36,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30% มั่นใจศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคตโดดเด่นต่อเนื่อง
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจในปี 2555 บริษัทนับว่าประสบความสำเร็จเกินจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี ทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตั้งเป้าไว้ 44 โครงการ ขณะที่สามารถเปิดไปได้ถึง 52 โครงการครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในทุกประเภทที่อยู่อาศัยและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และช็อปเฮาส์ เป็นต้น
คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 57,000 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 42,100 ล้านบาท ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดถึง 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังนับว่าเป็นการทุบทุกสถิติ กับการสร้างยอดขายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท หลังจากที่มีการพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายใหม่ไปถึง 3 ครั้งในช่วงปี ซึ่งยังไม่รวมถึงการทยอยปรับเพิ่มในรายไตรมาส โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่กลุ่มบริษัทแสนสิริมีการขยายการลงทุนในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการเพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งเป็นผลความสำเร็จจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” รวมทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่งผลให้สามารถสร้างยอดขายได้สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ดังกล่าว ขณะที่คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกันหรือสูงกว่าปีก่อน
“ความสำเร็จที่สำคัญในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสำเร็จในรุกตลาดต่างจังหวัด ทั้งในทำเลหัวหินซึ่งแสนสิริเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมตากอากาศเดิมอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงความสำเร็จจากการรุกขยายการพัฒนาโครงการในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 21,000 ล้านบาท ประกอบด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ในหัวหิน รวม 9 โครงการ, ภูเก็ต 7 โครงการ, เชียงใหม่ 2 โครงการ, เขาใหญ่ 3 โครงการ, พัทยา 1 โครงการ และขอนแก่น 1 โครงการ โดยการตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าในจังหวัดต่างๆ ส่งผลให้ทยอยปิดการขายโครงการใหม่ๆ ในทุกจังหวัดได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นการขยายธุรกิจที่รวดเร็ว โดยมูลค่าโครงการที่เปิดการขายในตลาดต่างจังหวัดในปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนถึงกว่า 38% จากมูลค่าโครงการที่เปิดตัวทั้งหมด” นายเศรษฐา กล่าว
นอกเหนือจากนี้ ยังประกอบด้วย Key Driver หลักสำคัญ ที่ส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จสูงและเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้ ได้แก่ การเดินหน้าเปิดตัวโรงงานพรีคาสท์แห่งแรกของแสนสิริภายใต้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Semi Automated Carousel System ที่ทันสมัยที่สุดจากประเทศเยอรมัน มีจุดเด่นในด้านความแม่นยำในการกำหนดชิ้นงาน, ทำงานได้รวดเร็ว ลดระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้นเพียง 75-90 วันต่อการสร้างบ้าน 1 หลัง นอกจากนี้ยังสามารถลดการใช้แรงงาน รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้มีความคล่องตัวสูงเพื่อรองรับการดีไซน์แบบบ้านสไตล์แสนสิริในอนาคตอีกด้วย โดยปัจจุบันโรงงานดังกล่าวมีอัตราการผลิต 52,000 ตร.ม./เดือน หรือประมาณ 150 หลัง/เดือน ซึ่งลูกค้าต่างให้การยอมรับและเชื่อมั่นในการนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในการพัฒนาอยู่อาศัยของแสนสิริเป็นอย่างดี
การดำเนินธุรกิจในปี 2555 ที่ผ่านมาแสนสิริได้พิสูจน์ให้ทั้งตลาด คู่แข่ง พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้บริโภคทั่วไปได้เห็นแล้วว่า บริษัทมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากแคมเปญการตลาดในรูปแบบต่างๆ ที่บริษัทได้ดำเนินงานตามปกติแล้ว ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทยังสามารถก้าวข้ามเหนือคู่แข่ง ด้วยการเปิดตัว ‘Sansiri Lounge’ (แสนสิริ เลานจ์) ใจกลางเมือง ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยกับการเปิดไลฟ์สไตล์สเปซ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของลูกค้าในครอบครัวแสนสิริ แฟมิลี่ (Sansiri Family) ซึ่งได้ให้การตอบรับเข้าใช้บริการและร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นที่แสนสิริ เลาทนจ์ หลังจากเปิดเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เพื่อการรองรับสมาชิกครอบครัวแสนสิริ แฟมิลี่ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของประเทศ ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัว “แสนสิริ เลานจ์ ภูเก็ต” เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษใหม่ๆ และความประทับใจพิเศษแก่ลูกบ้านภูเก็ตซึ่งนับเป็นครั้งแรกในภูเก็ตที่มีการสร้างสรรค์ Living Lounge เพื่อนำเสนอประสบการณ์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพแห่งการอยู่อาศัยและใช้ชีวิต
รวมถึงการเปิด “แสนสิริ ฮอลิเดย์ เลานจ์” ไลฟ์สไตล์สเปซเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าแสนสิริที่เมืองตากอากาศยอดนิยม ในหัวหิน ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งยังไม่รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำต่างๆ เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้าแสนสิริ อาทิ Panpuri (ปัญญ์ปุริ) – PASAYA (พาซาย่า) – ชา No.57 - ASAVA (อาซาว่า) และ Universal Music เพื่อร่วมสร้างสรรค์ Sansiri Collection และ Sansiri Holiday Collection สำหรับวันหยุดพักผ่อน ที่ช่วยเติมเต็มสุนทรีย์แห่งการใช้ชีวิตในวันหยุดแก่ครอบครัวแสนสิริ ซึ่งจากความใส่ใจในรายละเอียดทั้งหมดนี้ ทำให้แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับปี 2556 บริษัทได้ประมาณการณ์ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้แล้วที่ 36,000 ล้านบาท เติบโตจากเป้าหมายรายได้ของปี 2555 ประมาณ 30% โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วถึง 53,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ของปี 2556 แล้วถึง 50%, รวมทั้งมียอดรอรับรู้รายได้ของปี 2557 แล้วประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ปี 2556 นี้คาดว่าจะเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด หลังจากนั้นบริษัทจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อเนื่องได้ประมาณ 10-15% ต่อปี