ความก้าวหน้าของโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว แปลง Rovuma Offshore Area 1 ในประเทศโมซัมบิก
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช (Mr.Tevin Vongvanich) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า PTTEP AI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. และกลุ่มบริษัทร่วมทุนแปลง Rovuma Offshore Area 1
โดยบริษัท Anadarko ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ ได้จัดจ้างบริษัทรับเหมาเพื่อให้เข้าร่วมแข่งขันออกแบบทางวิศวกรรม (Front End Engineering Design: FEED) 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก (Liquefied Natural Gas: LNG) และด้านการติดตั้งอุปกรณ์การผลิตและท่อส่งก๊าซนอกชายฝั่งในแปลง Rovuma Offshore Area 1 ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ และมีปริมาณสำรองของก๊าซธรรมชาติมากกว่า 65 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ในประเทศโมซัมบิก
บริษัทรับเหมาที่ได้รับการจัดจ้างให้เข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบด้านการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 5 ล้านตันต่อปี จำนวน 2 สายการผลิต และการออกแบบทางวิศวกรรมในครั้งนี้จะออกแบบผังโรงงานให้สามารถรองรับกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวได้ถึง 50 ล้านตันต่อปีในอนาคต ประกอบด้วย 3 กลุ่มบริษัท ได้แก่ (1) กลุ่มบริษัท JGC Corporation และบริษัท Fluor Transworld Services, Inc. (2) กลุ่มบริษัท CB&I และบริษัท Chiyoda Corporation และ (3) บริษัท International Bechtel Co. LTD.
สำหรับบริษัทรับเหมาที่ได้รับการจัดจ้างให้เข้าร่วมการแข่งขันด้านการออกแบบด้านการติดตั้งอุปกรณ์การผลิตและท่อส่งก๊าซนอกชายฝั่ง ประกอบด้วย 3 กลุ่มบริษัทเช่นกัน ได้แก่ (1) บริษัท Technip USA, Inc. (2) กลุ่มบริษัท Subsea 7 (US) LLC และบริษัท Saipem SA และ (3) กลุ่มบริษัท McDermott, Inc. และ Allseas USA Inc.
เมื่อการแข่งขันการออกแบบ FEED และราคาประเมินการก่อสร้างแล้วเสร็จ กลุ่มบริษัทร่วมทุนจะทำการคัดเลือกบริษัทรับเหมาให้เหลือด้านละ 1 กลุ่ม เพื่อเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก และเป็นผู้รับเหมาติดตั้งอุปกรณ์การผลิตและท่อส่งก๊าซนอกชายฝั่ง ซึ่งบริษัทรับเหมาที่ได้รับการคัดเลือกจะดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์การผลิตให้แล้วเสร็จ เพื่อเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณปี 2561
วิธีการจัดจ้างดังกล่าว (Multiple FEED หรือ Design Competition) เป็นวิธีการหนึ่งที่ถือปฏิบัติกันตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินงาน และทำให้แผนงานสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องทันที
นอกจากนี้ Anadarko ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการของแปลง Rovuma Offshore Area 1 ได้ทำข้อตกลงเบื้องต้น (HOA: Heads of Agreement) กับบริษัท Eni ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการของแปลง Mozambique Offshore Area 4 โดยจะประสานงานในการดำเนินงานพัฒนาแหล่งก๊าซฯนอกชายฝั่ง และร่วมมือกันวางแผนและพัฒนาการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก ที่เขตอุตสาหกรรม Cape Afugi ในเมือง Cabo Delgado ทางตอนเหนือของประเทศโมซัมบิก
นายเทวินทร์ กล่าวเสริมว่า “การจัดจ้างผู้รับเหมาออกแบบทางวิศวกรรม และการทำข้อตกลงเบื้องต้นกับ Eni ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ เพิ่มเติมจากการดำเนินการเจรจาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวกับลูกค้า ปตท.สผ. และกลุ่มบริษัทร่วมทุนได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลโมซัมบิก และ Empresa Nacional de Hidrocarbonetos, ep’s (ENH) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศโมซัมบิก ในการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติดังกล่าวเพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวได้โดยเร็ว”
บริษัทร่วมทุนของแปลง Rovuma Offshore Area 1 ประกอบด้วย PTTEP AI (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ร้อยละ 8.5, Anadarko (ผู้ดำเนินการ) ร้อยละ 36.5, Mitsui E&P Mozambique Area 1 Ltd ร้อยละ 20, BPRL Ventures Mozambique B.V. ร้อยละ 10, Videocon Mozambique Rovuma 1 Ltd ร้อยละ 10 และ Empresa Nacional de Hidrocarbonetos, ep’s (ENH) ร้อยละ 15
ในเดือนสิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Cove Energy และได้รับสิทธิในการถือสัดส่วนการร่วมทุนในแปลงสำรวจ Rovuma Offshore Area 1 และสัดส่วนการร่วมทุนในแปลงสำรวจปิโตรเลียมอื่นๆ ในประเทศโมซัมบิก และประเทศเคนยา ความสำเร็จในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ ปตท.สผ. ในการขยายการลงทุนสู่ภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกที่มีศักยภาพทางไฮโดรคาร์บอนสูง และมีแนวโน้มจะเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่สำคัญในอนาคต สำหรับรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย