เผยปรับตัวทันหันขยายสาขาต่างจังหวัดกระจายความเสี่ยง แต่ยังกระทบยอดขายและเปิดสาขาใหม่ปีนี้พลาดเป้าเหลือแค่ 33 สาขา เล็งรื้อแผนการตลาดปี56 ตั้งรับวิกฤติแรงงานที่คาดจะรุนแรงกว่าปีนี้
พีดีเฮ้าส์ ชี้ความกังวลน้ำท่วม วิกฤติแรงงาน ทำภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านระส่ำ เชื่อมูลค่าตลาดรวมปีนี้ต่ำกว่าที่หลายหน่วยงานคาดไว้ เผยปรับตัวทันหันขยายสาขาต่างจังหวัดกระจายความเสี่ยง แต่ยังกระทบยอดขายและเปิดสาขาใหม่ปีนี้พลาดเป้าเหลือแค่ 33 สาขา เล็งรื้อแผนการตลาดปี56 ตั้งรับวิกฤติแรงงานที่คาดจะรุนแรงกว่าปีนี้
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และเอคิวโฮม กล่าวว่า ปี 2555นี้ ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน ต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติอีกครั้ง ภายหลังจากปีที่แล้วเจอกับวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ ทำตลาดรวมรับสร้างบ้านลดวูบกว่า 20%มาปีนี้เจอกับกับวิกฤติแรงงานขาดแคลนอีก
โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้งานก่อสร้างชะงักและรายได้ผู้ประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ในขณะเดียวกันความกังวลว่าน้ำจะท่วมซ้ำของผู้บริโภคในช่วงไตรมาส 2-3 ก็บั่นทอนและฉุดกำลังซื้อให้ชะลอตัว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม ทำให้ความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคแทบหายไปหมด ซึ่งต้องรอลุ้นไตรมาสสี่จะกำลังซื้อจะกลับคืนมามากน้อยเพียงใด เชื่อว่ามูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านปีนี้ ไม่เป็นไปตามที่หลายๆ หน่วยงาน คาดหมายกันไว้ว่าจะเติบโตร้อยละ 10-15
“ยอมรับว่า พีดีเฮ้าส์ เองไม่อาจหลีกพ้นกวิกฤติที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยการปรับตัวของบริษัทฯ ในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการเน้นขยายสาขาออกไปยังภูมิภาคหรือพื้นที่ใหม่ๆซึ่งก็พบว่าหลายๆ จังหวัดปัญหาแรงงานขาดแคลนไม่ได้วิกฤติ หรือยังสามารถหาแรงงานมาทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่เกิดขึ้นปีนี้ไม่รุนแรงมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายอื่นๆ ซึ่งถือเป็นการบริหารและกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม วิกฤติแรงงานงานครั้งนี้ ก็ยังส่งผลกระทบต่อแผนการขยายสาขาและตลาดรับสร้างบ้านออกไปในต่างจังหวัดของบริษัทฯ ในปีนี้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เช่นกัน”
นางพิศาล ยังเปิดเผยว่า ในช่วงก่อนเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับลดเป้าการขยายสาขาใหม่และยอดขายรวมลง โดยจะเปิดสาขาใหม่ให้ครบ 33 สาขาจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 35 สาขา สำหรับยอดขายรวมจากเดิมตั้งเป้าไว้ 1,400 ล้านบาท ได้ปรับลดลงเหลือเพียง 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าสามารถทำยอดขายได้ใกล้เคียงโดยเหตุผลสำคัญๆ ที่ต้องปรับลดเป้าลงก็เนื่องมาจากวิกฤติแรงงานที่กำลังเผชิญอยู่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ซึ่งแนวโน้มคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เรื่องนี้ยังส่งผลให้บริษัทฯ ต้องทำการรื้อแผนการตลาดปี 2556-7 ใหม่ทั้งหมด โดยจะชะลอแผนการขยายสาขาต่างจังหวัดลง จากเดิมที่วางไว้จะเปิดให้ครบ 50 สาขาในปีหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อรอดูแนวทางการแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะเป็นไปในทิศทางใด รวมทั้งเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจภายใต้วิกฤติที่ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน
นอกจากนี้เหตุผลสำคัญอีกประการก็คือ ข้อมูลชี้ว่า พีดีเฮ้าส์ เองก้าวนำและทิ้งระยะห่างคู่แข่งขันหลายก้าวแล้ว หากว่าจะชะลอเปิดสาขาใหม่และขยายตลาดใหม่ลงบ้างในปีหน้า ก็เชื่อว่าคู่แข่งขันยังคงไม่สามารถตามได้ทัน หรือต้องใช้เวลาอีก 3-5 ปีเป็นอย่างน้อยกว่าจะขยายสาขาในต่างจังหวัดได้เท่าๆ กัน ดังนั้นแผนการตลาดของบริษัทฯ ปีหน้าคงแตกต่างจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา