มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมีการยื่นขอมากที่สุด 522 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 610,000 ล้านบาท
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้สรุปผลการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มสำคัญซึ่งจะหมดระยะเวลาให้ยื่นขอรับส่งเสริมในเดือนธันวาคม 2555 พบว่ามีผู้ขอส่งเสริมการลงทุนในกิจการเป้าหมายและเป็นประโยชน์ต่อประเทศจำนวนมาก อาทิ กิจการพลังงานทดแทน กิจการประหยัดพลังงาน กิจการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเกิดการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายประเสริฐกล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนที่จะหมดอายุลงในปีนี้ ประกอบ4x5 ad.ยัดคำยืนยัน.eps ด้วย 1.มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.มาตรการด้านภาษีอากรเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย 3.มาตรการเพิ่มเติมด้านภาษีอากรเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย 4.มาตรการส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ 5.มาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 734,179 ล้านบาท
นายประเสริฐกล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมีการยื่นขอมากที่สุด 522 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 610,000 ล้านบาท (ตั้งแต่เมษายน 2553-ตุลาคม 2555) สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย มีการยื่นขอรับส่งเสริมในส่วนของกิจการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน 136 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 113,299 ล้านบาท และมีกิจการใหม่ที่ยื่นขอลงทุนในพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วม จำนวน 22 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 9,990 ล้านบาท
ขณะที่มาตรการส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ นั้นมียื่นขอรับส่งเสริม 2 โครงการ เงินลงทุนรวม 605 ล้านบาท และมาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการยื่นขอรับส่งเสริม 4 โครงการ เงินลงทุนรวม 285 ล้านบาท