รมว.พลังงาน ลั่นเปิดขายเอกสารประมูล IPP ตั้งแต่ 20 ธ.ค.นี้ จำนวน 5,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
รมว.พลังงาน ลั่นเปิดขายเอกสารประมูล IPP ตั้งแต่ 20 ธ.ค.นี้ จำนวน 5,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง คัดเลือกผู้ชนะประมูลภายในช่วงปี 2556
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้แก่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ว่า การเปิดขายเอกสารประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ หรือ IPP จำนวน 5,400 เมกะวัตต์ (MW) จะเริ่มในวันที่ 20 ธ.ค. 2555 และจะพิจารณาคัดเลือกในช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. 2556
สำหรับการประมูล IPP รอบใหม่ทั้งหมด 5,400 เมกะวัตต์ จะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และตามแผนงานเบื้องต้น วันที่ 4 ธ.ค.นี้ จะมีการออกประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมประมูล IPP รอบใหม่ และเปิดขายเอกสารประมูลในวันที่ 20 ธ.ค. 55
หลังจากนั้นจะมีการประชุมชี้แจงในวันที่ 13 ก.พ. 2556
โดยผู้ที่สนใจจะเข้ายื่นเอกสารประมูลในวันที่ 12 มี.ค. 2556 ต่อจากนั้น จะมีการพิจารณาคัดเลือกผู้ชนะประมูลในช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. งวดปีหน้า ส่วนการประมูล IPP ครั้งใหม่นี้ รัฐบาลจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนจำนวน 5,400 MW โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
ดังนั้น ถือว่าเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2553-2573 (PDP 2010) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ที่ไทยจะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นเมื่อถึงปี 73 ประมาณ 70,686 เมกะวัตต์ โดยประเทศไทยจัดประมูล IPP มาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2537 และในปี 2550 โดยการประมูล IPP ครั้งที่ผ่านมา มีจำนวน 4.4 พันเมกะวัตต์ เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงปี 2555-2557
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ภายในอนาคตจะมีการปรับแผน PDP ใหม่ โดยจะให้มีการเพิ่มสัดส่วนถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อความมั่นคงด้านไฟฟ้ารวมถึงจะพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศมากขึ้น เช่น การจะรับซื้อไฟฟ้าจากพม่าเพิ่มเป็น 1 หมื่นเมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ กกพ. พิจารณาเรื่องการให้บุคคลที่ 3 (Third Party) มาใช้ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสายส่งไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงให้พิจารณาถึงแผนเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่เข้าลงทุนในต่างประเทศ และมีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ดำเนินการสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เฟส 2 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการผลิตและจัดเก็บ LNG เป็น 10 ล้านตันต่อปี
ด้านกรณี เชค คาหลิด บิน อาเหม็ด บิน โมฮัมเหม็ด อัล คอลิฟะห์ รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน ระบุว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมอาเซียนและคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ในช่วงปีหน้า และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของทั้ง 2 ภูมิภาค
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของบาห์เรน ยังกล่าวอีกว่า ราชอาณาจักรบาห์เรนพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางพลังงานกับไทย ส่วนฝั่งนายกรัฐมนตรีของไทยแสดงความเห็นว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางและผู้กระจายสินค้าในด้านอาหาร อีกทั้งไทยยังพร้อมเป็นแหล่งคลังสินค้า