กลุ่มการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าที่ประเมินว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตของไทยสูงมาก
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า เดือนพ.ย.2555 มีผู้ประกอบการได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ประกอบกิจการ 304 ราย มูลค่าลงทุน 24,739 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 22 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการตั้งโรงงานในประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าที่ประเมินว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตของไทยสูงมาก จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือน
สำหรับการผลิตไฟฟ้าโครงการใหญ่มูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เช่น บริษัท กาฬสินธุ์ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี ผลิตส่งและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า มูลค่า 3,252 ล้านบาท, บริษัท โกลว์ เอสพีพี 12 จำกัด ผลิตไฟฟ้า มูลค่า 4,129 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งหากรวมรายขนาดกลางและขนาดย่อยด้วยมูลค่าลงทุนไฟฟ้าเฉพาะเดือนนี้มีเกือบ 10,000 ล้านบาท
"เป็นเรื่องดีที่เอกชนให้ความสำคัญในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น เพราะหากไม่มีการผลิตไฟฟ้าของรายใหญ่ในอนาคตอาจทำให้ไทยประสบปัญหาความมั่นคงด้านไฟฟ้าได้ เพราะทราบว่ากระทรวงพลังงานได้แสดงความเห็นว่า ในปี 2556 ยังไม่มีโรงไฟฟ้าใหม่เข้าสู่ระบบ เนื่องจากโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) 2 ราย ได้เลื่อนเข้าระบบจากปี 2556 เป็นปี 2558 ซึ่งหาก ปี 2556 ความต้องการใช้ไฟฟ้ายังคงอยู่ระดับ 8% หรือความต้องการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 28,000-29,000 เมกะวัตต์ ถือว่าความมั่นคงไฟฟ้าของประเทศอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเพราะจะทำให้สำรองไฟฟ้าอาจลดต่ำกว่า 15% ได้ จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับเกือบ 20%"รายงานข่าวระบุ
สำหรับจังหวัดที่มีมูลค่าการลงทุนในเดือนพ.ย.มากที่สุดคือ ระยอง จำนวน 4 โรงงาน มูลค่า 11,682 ล้านบาท, กาฬสินธุ์ จำนวน 6 โรงงาน มูลค่า 3,264 ล้านบาท, สระบุรี 5 โรงงาน มูลค่า 2,681 ล้านบาท, สมุทรปราการ 17 โรงงาน มูลค่า 1,114 ล้านบาท และ พระนครศรีอยุธยา 18 โรงงาน มูลค่า 931 ล้านบาท
image : en.ce.cn