เนื้อหาวันที่ : 2012-11-23 10:21:27 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1649 views

ฟิล์มกรองแสงแข่งเดือดแม็กซ์ม่ารีแบรนด์ในรอบ14ปีวี

ตลาดฟิล์มติดรถยนต์-อาคารแข่งกันดุ "แม็กซ์ม่า"รีแบรนด์ใหม่รอบ 14 ปี ชูอีโคฟิล์มด้านวีคูลรุกคืบตลาดคาร์แคร์ เปิดตัวสินค้าระดับพรีเมียมเสริมทัพ

ตลาดฟิล์มติดรถยนต์-อาคารแข่งกันดุ "แม็กซ์ม่า"รีแบรนด์ใหม่รอบ 14 ปี ชูอีโคฟิล์มด้านวีคูลรุกคืบตลาดคาร์แคร์ เปิดตัวสินค้าระดับพรีเมียมเสริมทัพ

นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มประหยัดพลังงานจากประเทศเกาหลีแบรนด์แม็กซ์ม่า เปิดเผยว่า ตลาดฟิล์มติดรถยนต์และอาคารในเมืองไทยมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากหลายรายพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่า เพิ่มลูกค้าใหม่และหาพันธมิตรธุรกิจ

ดังนั้น บริษัทจึงรีแบรนด์สินค้าใหม่ในรอบ 14 ปี เพื่อให้แบรนด์สินค้าเป็นที่จดจำได้ ว่าเป็นฟิล์มประหยัดพลังงานและมีคุณภาพสูงพร้อมปรับโลโก้ใหม่ จาก แม็กซ์ม่าวินโดว์ ฟิล์ม เป็นแม็กซ์ม่า อีโคฟิล์มเพื่อเน้นความเป็นฟิล์มประหยัดพลังงาน โดยปัจจุบันตลาดฟิล์มติดรถยนต์และอาคารในเมืองไทย มีมูลค่า 1,500 ล้านบาท มีผู้นำเข้ามาจำหน่าย 20 กว่าราย

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายฟิล์มติดรถเฉลี่ย 5,000 คันต่อเดือน พร้อมรุกตลาดอาคารสูงต่อเนื่องโดยปีนี้มีอัตราการเติบโต 20% คิดเป็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเติบโตเพิ่มขึ้น 10% และจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีก 20 รายจากปัจจุบันมี 200 รายทั่วประเทศและมีแนวคิดที่สร้างโชว์รูมสินค้าแบรนด์แม็กซ์ม่าด้วย

ด้าน น.ส.พิมพา ชลาลัย ประธานบริหาร บริษัท วี เค เอสกรุ๊ป (เอเชีย) ผู้นำเข้าและจำหน่ายฟิล์ม วี-คูล กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ล่าสุดจึงเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ โดยนำเข้าวี-คูลอัลตรามาสเตอร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลสีรถยนต์ระดับพรีเมียม เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย

การเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้แทนจำหน่ายของวี-คูล และเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในการดูแลรักษารถแบบครบวงจร รวมทั้งเพื่อใช้กับศูนย์ต้นแบบที่ให้บริการติดฟิล์มวีคูลและให้บริการปกป้องสีรถยนต์บนถนนศรีนครินทร์ตรงข้ามห้างพาราไดซ์ พาร์ค ด้วย

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเปิดศูนย์วีคูลเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10 แห่งโดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 260 ล้านบาท และคาดว่าการเปิดตัวสินค้าใหม่และเปิดศูนย์วี-คูล จะช่วยให้รายได้รวมของบริษัทในปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% m