ลงทุนในธุรกิจที่ประสิทธิภาพและใช้เทคโนโลยีสูงเป็นหลัก ราคาหุ้นสุดถูกเหลือแค่ 309 บาท ดันอัพไซด์หุ้นกระฉูด 29% ฟาก P/E เหลือแค่ 9 เท่า
PTT ลั่นสิ้นปีนี้เคาะแผนลงทุนงวดปี 2556 ได้แน่ ย้ำขอเน้นเข้าลงทุนในธุรกิจที่ประสิทธิภาพและใช้เทคโนโลยีสูงเป็นหลัก ราคาหุ้นสุดถูกเหลือแค่ 309 บาท ดันอัพไซด์หุ้นกระฉูด 29% ฟาก P/E เหลือแค่ 9 เท่า
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ทางบริษัทประเมินภายในช่วงสิ้นปี 2555 จะได้ข้อสรุปแผนธุรกิจปีหน้า ซึ่งจะรวมถึงแผนการระดมทุนและแผนการขยายการลงทุน โดยทางบริจะเน้นการลงทุนไปยังสินค้าที่มีคุณภาพสูงและใช้เทคโนโลยีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 ทางบริษัทได้ใช้เงินลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินในการลงทุนใน PTTEP ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และลงทุนเหมืองถ่านหินประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมืออยู่ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท และมีเงินจากการขายหุ้นกู้อีก 6 หมื่นล้านบาท
บริษัทพร้อมเดินที่จะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าเศรษฐกิจต่างประเทศน่าจะเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นและหากจะลงทุนบริษัทฯก็มีเงินในมือที่พร้อมจะลงทุนและมีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตหากมีความจำเป็น”นายวิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ได้ประเมินอีกว่า วิกฤตเศรษฐกิจต่างประเทศจะเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและเชื่อว่าปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐอเมริกา จะมีข้อสรุปในทิศทางที่ดี ขณะที่ผู้นำจีนคนใหม่น่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ดีมากขึ้นด้วย
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT ได้เคยกล่าวในช่วงที่ผ่านมาว่า อัตรากำไรสุทธิของปี 2555 จะมีระดับใกล้เคียงกับปี 2554 ที่ได้ระดับ 1 แสนล้านบาท รวมทั้งในปีนี้ ยังมีสต็อกเกนหลังจากราคาน้ำมันในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 105-110 เหรียญต่อบาร์เรล ประกอบกับราคาน้ำมันในไตรมาส 4น่าจะยังทรงตัว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 2556 ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยคาดว่าราคาน้ำมันปีหน้าคงไม่หวือหวา และประเมินราคาไว้อยู่ที่ 105-115 เหรียญต่อบาร์เรล และหาก PTT ได้ปรับราคาขาย NGV และ LPG ตามราคาตลาด ยังจะช่วยให้ผลประกอบการเชิงบวกมากขึ้น หลังจากปัจจุบันทางบริษัทต้องแบกรับต้นทุนดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ได้ทำราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดในช่วงวานนี้ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับเพียง 309 บาท เท่านั้น ปรับลดลง 1 บาท หรือคิดเป็น 0.32% ทำราคาสูงสุดระหว่างวัน 312 บาท ต่ำสุด 309 บาท มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 928 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ราคาปิดล่าสุดที่ 309 บาท เท่ากับว่าในขณะนี้ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 29% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ได้กำหนดไว้ล่าสุด 400 บาท อีกทั้ง ยังมี P/E อยู่เพียงแค่ 9 เท่า ต่ำกว่าของกลุ่มพลังงานที่ 10 เท่า และยังต่ำกว่า P/E ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 16 เท่า
ส่วนบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้กล่าวว่า สำหรับกรณีที่กลุ่ม PTT ได้เข้าถือหุ้นบริษัท Straits Asia Resources Lt d (SAR ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียไปแล้ว จำนวน 90.15% ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงเป็นกลางต่อการเข้าถือหุ้น
โดยหลังจากการเข้ามาของ Shale Gasได้ส่งผลกดดันเชิงจิตวิทยาต่อราคาถ่านหินในตลาดโลก อีกทั้งผู้ผลิตไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาได้นำShale Gas มาผลิตซึ่งมีต้นทุนต่ำ ส่งผลให้มีอุปทานถ่านหินในตลาดสูง อย่างไรก็ดี การนำ Shale Gas มาใช้ในแถบเอเชียยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีต้นทุนค่าขนส่งสูง จึงทำให้ความต้องการใช้ถ่านยังคงทรงตัวอยู่ และราคาถ่านหินในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 80-84 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งถือว่าสูงกว่า ต้นทุนเงินสดของ SAR ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 51-55 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเพื่อรองรับ AEC และยังมองว่า ราคาก๊าซ NGV และ LPG ที่ทางภาครัฐยังตรึงราคาไว้ มีแนวโน้มราคาลอยตัวหลังจาก AEC ในช่วงปี 58 ซึ่งจะทำให้ผลขาดทุนจากก๊าซ NGV ลดลง ซึ่ง งวด 9 เดือนที่ผ่านมา มีผลขาดทุนประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ประเมินผลการดำเนินงานทั้งปีจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 104,865 แสนล้านบาท กำหนดคำแนะนำ “ซื้อลงทุน” ให้ราคาเป้าหมาย 400 บาท