เนื้อหาวันที่ : 2012-11-22 12:24:33 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1509 views

อานิสงส์รถคันแรก ดันนำเข้าชิ้นส่วน-อะไหล่พุ่ง หนุนรายได้ ต.ค.ทะลุเป้า

รถคันแรกดันรายได้กรมศุลพุ่ง ผลพวงนำเข้าชิ้นส่วน-อะไหล่ลั่นทั้งปีจัดเก็บเกิน1.15แสนล.

อานิสงส์รถคันแรกดันนำเข้าชิ้นส่วน-อะไหล่พุ่งพรวด หนุนรายได้กรมศุลฯ ต.ค.ทะลุเป้าเฉียดพันล้าน มั่นใจทั้งปีได้ตามคาด 1.15 แสนล้าน ยันคุมเข้มลักลอบขนข้าว เพื่อนบ้านสวมสิทธิจำนำ ยอมรับอนุโลมหาบข้ามแดน ไม่อยากกระทบวิถีชาวบ้าน

นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงยอดการจัดเก็บรายได้เดือนตุลาคมว่า เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายประมาณ 900 ล้านบาท เพราะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ที่ขณะนี้พบว่ามียอดจองซื้อเข้ามาจำนวนมาก ทำให้มีการนำเข้าชิ้นส่วนและอะไหล่เพื่อประกอบรถเหล่านี้ และเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวจะต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้า จึงมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.15 แสนล้านบาทได้

นางเบญจากล่าวว่า ส่วนการชะลอตัวของการส่งออกนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เก็บภาษีขาออก แต่เก็บเฉพาะขาเข้า ขณะที่ยังมีการจัดเก็บภาษีการนำเข้าจากภูมิภาคอื่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อการผลิตและส่งออก ยังเป็นไปตามปกติ แต่ที่เข้มงวดคือการนำเข้าข้าวเปลือกตามแนวชายแดนที่ติดกับกัมพูชาและลาว จึงได้กำชับไปยังด่านศุลกากรตามแนวชายแดนดังกล่าวทุกด่านที่ต่อเนื่องตั้งแต่อรัญประเทศ สระแก้ว จันทบุรี สุรินทร์ ไปจนถึงหนองคาย เพื่อป้องกันการลักลอบการนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล

"กรมศุลฯให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าข้าวเป็นลำดับต้นๆ เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล แต่ยอมรับว่าอาจมีการลักลอบเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ซึ่งเป็นวิถีชาวบ้านที่มีการหาบข้ามแดนไปมาอยู่แล้ว ก็จะอนุโลม ไม่เข้มงวดมาก เพื่อไม่ให้กระทบวิถีชาวบ้าน" นางเบญจากล่าว

อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า นอกจากนี้ในส่วนของการใช้สิทธิตามกรอบการค้าเสรีอาเซียน(อาฟตา)เอง ยังมาใช้สิทธิไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเพราะยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า ซึ่งกรมศุลฯอยู่ระหว่างการจัดกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้าและรองรับการเจรจา ตามกรอบการเปิดเสรีการค้า (เอฟทีเอ) กับประเทศ อื่นๆ ในอนาคต รวมถึงเพื่อรองรับการเจรจาการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ยอดการใช้สิทธิขอคืนเงินภาษีตามโครงการรถยนต์คันแรก ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน มีผู้ยื่นขอใช้สิทธิทั้งสิ้น 494,951 คัน คิดเป็นเงิน ที่ต้องคืน 36,509 ล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มการขอคืนเงินในโครงการมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 แสนคัน ที่กำหนดให้ยื่นขอใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555