นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ "ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อธุรกิจไทยในเวทีโลก" ในงานสัมมนา "ทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2556 กลยุทธ์ธุรกิจไทยฝ่าภัยเศรษฐกิจโลก" ที่จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนสปาร์ค ว่า
ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปรุนแรงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลกระทบการส่งออกของไทยต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคตไม่สามารถพึ่งการส่งออกเพียงอย่างเดียวได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ต้องประกอบไปด้วย 4 เรื่องหลัก คือ การส่งออก การส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ การใช้จ่ายของภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ ทดแทนระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกของไทย ผ่านนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาท ถือเป็นการปรับสมดุลเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อกระตุ้นการบริโภคให้เศรษฐกิจขยายตัว ซึ่งยอมรับว่ากระทบต้นทุนผู้ประกอบการ แต่ขณะเดียวกันการเพิ่มค่าแรงจะเป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย
ส่วนการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่มอัตราภาษีแต่จะขยายฐานภาษี ด้วยการดึงกลุ่มที่ยังไม่เสียภาษีให้เข้ามาในระบบให้ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้รัฐมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น ส่วนการใช้จ่ายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เต้องหันมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระบบราชการ ให้มีการเตรียมความพร้อมในการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนที่มีสัดส่วนร้อยละ 25 ให้สามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เดือนแรกของปีงบประมาณ โดยไม่ใช่ต้องรอไปถึง 4 เดือนหลังงบประมาณประกาศใช้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพื่อช่วยให้การขับเคลื่อนของระบบราชการทำงานต่อไป