ดร.โกร่ง มั่นใจตั้งแต่ปีหน้าโตเกิน6%หลังจากอัดเงินลงทุนบิ๊กโปรเจกต์-ญี่ปุ่นย้ายฐาน
มูดี้ส์ชี้เศรษฐไทย-เอเชียเริ่มทะยานผ่านจุดเลวร้ายต่ำสุดแล้ว หลังจีน-สหรัฐฟื้นตัว "โกร่ง" มั่นใจปีหน้าจีดีพีไทยโตสูงกว่า 6%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างนักวิเคราะห์หลายสำนักในต่างประเทศ ว่าเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกรวมถึงไทย มาเลเซีย และฮ่องกง มีแนวโน้มว่า ขยายตัวดีขึ้นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากการฟื้นตัวของจีนและสหรัฐในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ยอดการส่งออกของประเทศต่างๆ ฟื้นตัวดีขึ้นอีกครั้ง
"จีดีพีไตรมาส 4 ของเอเชียปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นมา เนื่องจากได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว หลังจากที่ตัวเลขต่างๆ ในไตรมาส3 สะท้อนออกมาอย่างเลวร้าย" เกรนเลวิน นักเศรษฐศาสตร์ จากบริษัท มูดี้ส์อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กล่าว
มูดี้ส์ ระบุว่า ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาสัญญาณเศรษฐกิจเอเชียเริ่มดีขึ้น เห็นได้จากค่าเงินที่เริ่มแข็งค่ามากขึ้นในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เนื่องจากความต้องการซื้อบ้านในสหรัฐดีขึ้น ขณะที่ภาคการผลิตและการบริโภคในจีนเดือนต.ค. ก็เริ่มดีขึ้น จนสร้างความหวังว่า 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก จะช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นในปลายปีนี้
ด้าน อนินดา มิตทรา นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเอเอ็นซี สาขาสิงคโปร์ ได้เตือนว่า การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นการเติบโตในหลายประเทศเช่น ไทยกับฟิลิปปินส์ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและปัญหาฟองสบู่ตามมา จึงต้องระมัดระวังให้ดี
ขณะที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวในงานเสวนา เรื่อง"มุมมองเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2556" ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้ถึง 5.5-6% มากกว่าที่รัฐบาลคาดว่าจะเติบโต 4.5% เนื่องจากไทยฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วมเร็วกว่าที่คาดโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่งออกและชิ้นส่วนต่างๆ ที่ขาดหายไปในช่วงน้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติหมดแล้ว และความเสียหายไม่มากอย่างที่กังวลกัน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี2556 และปีต่อๆ ไป น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้อย่างชัดเจน เพราะมีปัจจัยภายนอกผลักดันค่อนข้างมาก เช่น กระแสข่าวว่าญี่ปุ่นอาจจะต้องปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดใน 1-2 ปีนี้ เพราะถูกต่อต้านอย่างหนัก จะทำให้ผู้ประกอบการขาดแคลนพลังงานและหันไปลงทุนในต่างประเทศ ขณะเดียวกันข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นจะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยแทน
นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (ไออีเอ) ประกาศว่า ภายใน 5 ปี สหรัฐจะกลายเป็นผู้ส่งออกพลังงานของโลก เพราะสามารถสกัดหินน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเชิงพาณิชย์ซึ่งจะทำให้โครงสร้างพลังงานโลกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะสหรัฐเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ หากเลิกนำเข้าน้ำมันจะกดดันให้ราคาน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติลดตามด้วย ส่งผลดีต่อไทยเพราะต้นทุนพลังงานลดลง เงินเฟ้อก็ลดความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยก็น้อยลงไป
เศรษฐกิจไทยยังมีแรงผลักดันจากการลงทุนภาครัฐ ที่จะเริ่มเห็นเม็ดเงินชัดเจนในปีงบประมาณ 2557 ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.27 ล้านล้านบาทm
Thailandindustrycom_official
