พาณิชย์เตรียมประชุมทูตพาณิชย์-HTA 28 พ.ย.นี้ เคาะเป้าหมายส่งออกปี'56 ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย-ต้นทุนค่าแรงพุ่ง
พาณิชย์เตรียมประชุมทูตพาณิชย์-HTA 28 พ.ย.นี้ เคาะเป้าหมายส่งออกปี'56 ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย-ต้นทุนค่าแรงพุ่ง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แนะผู้ส่งออกใช้ประโยชน์ความตกลง FTA ใหม่ ไทย-เปรู ไทย-ชิลี และไทย-อินเดีย พร้อมปรับแผนหาวัตถุดิบ- ส่งเสริมส่งออกรักษาตลาด ชี้ไทยต้องหาข้อสรุปถ่วงดุลประโยชน์ก่อนเข้าทีพีพี
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 28-30 พฤศจิกายนนี้ จะมีการเชิญทางผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลก และผู้แทนการค้ากิตติมศักดิ์ (HTA) มาประชุม โดยมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อมอบนโยบาย ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2556 ว่า จะมีทิศทางอย่างไร หลังจากตัวเลขการส่งออกปีนี้อาจจะลดลงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 15%
โดยทิศทางการส่งออกในปีหน้า ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในหลายตลาด ไม่ใช่เฉพาะตลาดสหภาพยุโรป ดังนั้น ทางกรมจะต้องหาแนวทางผลักดันการส่งออก อาจจะมีการวิเคราะห์ลงในรายอุตสาหกรรมว่า มีอุตสาหกรรมใดที่ยังมีการส่งออกขยายตัวเป็นบวก หรืออุตสาหกรรมใดที่มีอัตราการส่งออกชะลอตัวลง ติดลบ เพื่อพิจารณาว่า อุตสาหกรรมใดจะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้ตลาดเติบโตได้
ปัจจัยเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงงาน 300 บาททั่วประเทศอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกบ้าง แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบที่ไม่เท่ากัน อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากจะได้รับผลกระทบมาก เช่น สิ่งทอ อาหาร นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากการใช้มาตรฐานกีดกันทาง การค้า จากประเทศคู่ค้า ที่จะมีเพิ่มขึ้นหลังจากลดภาษีนำเข้า และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น อย่างกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ก็ห่วงเรื่องวัตถุดิบ และคู่แข่งที่อาจจะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น เพราะตลาด หลัก ๆ ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ" นางศรีรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ในปีหน้าประเทศไทยได้เปิดการเจรจาจัดทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีเพิ่มขึ้นอีกหลายกรอบ อาทิ อาเซียน+6 (อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) และจะมีความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีอีกหลายฉบับที่กำลังจะเสร็จสิ้น ทั้งเอฟทีเอไทย-ชิลี เอฟทีเอไทย-อินเดีย และไทย-เปรู ซึ่งจะต้องเร่งผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากความตกลงให้มากขึ้น
นางศรีรัตน์กล่าวถึงแนวโน้มการ ส่งออกไทยไปยังตลาดสหรัฐ ภายหลังนายบารัก โอบามา ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีต่อเนื่องสมัยที่สอง จะส่งผลดีกับตลาดสหรัฐ ถือเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย เพราะรัฐบาลสหรัฐคงดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไทยต้องพยายามหาแนวทางเจาะตลาดแฝงในสหรัฐ โดยนำกลยุทธ์การหาตลาดใหม่ในตลาดเก่า การหาตลาดย่อยในตลาดใหญ่มาใช้ โดยวิเคราะห์ว่า มีจุดไหนที่ไทยยังไม่สามารถเจาะตลาดเข้าไปได้บ้าง
นโยบายเรื่องการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ทางรัฐบาลโอบามาคงเจรจาต่อไป ขึ้นอยู่กับไทยว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ เพราะทีพีพีเป็นความตกลงที่มีระดับมาตรฐานที่สูงขึ้น อาจมีบางส่วนที่รับไม่ได้ เพราะอาจจะต้องแก้กฎหมายภายใน ทรัพย์สินทางปัญญา และอาจจะกระทบธุรกิจบริการ โทรคมนาคม ซึ่งไทยมีความอ่อนไหว แต่เอกชนบางส่วนที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐต้องการจะรักษาตลาดส่งออกไว้ ดังนั้น ไทยคงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะเข้าร่วมหรือไม่"