เพื่อให้สามารถขายน้ำมันทั่วประเทศเป็นราคาเดียวได้ รวมถึงรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ให้เกิดความพร้อมในการเชื่อมท่อไปประกอบธุรกิจน้ำมันในภูมิภาค
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ว่าได้มอบหมายให้ธพ.เร่งศึกษาโครงการวางท่อส่งน้ำมันต่อขยาย 2 เส้นทาง จากจ.สระบุรี-นครราชสีมา-ขอนแก่น และเส้นทางจ.สระบุรีพิษณุโลก-ลำปาง ในวงเงินลงทุนรวม 1.73 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สามารถขายน้ำมันทั่วประเทศเป็นราคาเดียวได้ ตามนโยบายที่มอบหมายไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ให้เกิดความพร้อมในการเชื่อมท่อไปประกอบธุรกิจน้ำมันในภูมิภาค
ทั้งนี้ธพ.ต้องไปศึกษาวิธีลงทุนว่าจะเป็นแบบใด จำเป็นต้องใช้กองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือไม่ ซึ่งยอมรับว่ารัฐบาลจะต้องเป็นผู้ลงทุนเอง ให้เอกชนเป็นผู้เช่าท่อต่อ เนื่องจากเอกชนไม่สนใจเพราะไม่คุ้มค่า โดยธุรกิจขนส่งน้ำมันมีมูลค่าต่อปีไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท และมีความเสียหายต่อธุรกิจจากการขนส่งเฉลี่ย 25 ปีประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเงินลงทุนวางท่อจึงไม่มากเมื่อเทียบกับภาระดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังเข้าตรวจเยี่ยมสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน โดยได้รับรายงานว่าปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระติดลบ 1.9 หมื่นล้านบาท แต่แนวโน้มราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในปีหน้าคาดว่าจะทรงตัวในระดับ 800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ก็จะช่วยลดภาระติดลบลงได้เล็กน้อย แต่ภาพรวมกองทุนจะยังต้องติดลบต่อไป เพราะต้องอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อยอยู่ ส่วนการใช้แอลพีจีในกลุ่มอื่นคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด อย่างไรก็ดี โครงสร้างราคาพลังงานจะมีการปรับลอยตัวราคาหรือไม่ในวันที่ 1 ม.ค.นี้ คงยังให้ คำตอบไม่ได้ เพราะอยู่ในช่วงศึกษาแนวทางช่วยเหลือ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การศึกษาโครงการวางท่อส่งน้ำมันต่อขยายนั้น อาจจะต้องดึงบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) มาร่วมหารือว่าสนใจจะลงทุนเพิ่มจากแนวท่อเดิมที่แทปไลน์เป็นเจ้าของหรือจะเป็นผู้บริหารจัดการช่วงท่อต่อขยาย คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนก่อนเสนอรมว.พลังงานพิจารณา