บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ติดอันดับหนึ่งของหุ้นที่มีราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมากที่สุดประจำวัน ชี้นักลงทุนเข้าใจในตัวธุรกิจความเป็นผู้นำอันดับ 1 ท่อสแตนเลส และปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของบริษัท มั่นใจกระแสดันตลาดโตต่อเนื่อง
. |
TGPRO เข้าเทรดรอบใหม่วันแรกปิดที่ 1.37 บาท สูงกว่าราคาเดิมก่อนที่จะมีการพักซื้อขายถึง 37% ส่งหุ้น TGPRO ติดอันดับหนึ่งของหุ้นที่มีราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมากที่สุดประจำวัน ชี้นักลงทุนเข้าใจในตัวธุรกิจความเป็นผู้นำอันดับ 1 ท่อสแตนเลส และปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของบริษัท มั่นใจกระแสดันตลาดโตต่อเนื่อง |
. |
นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO ผู้นำในด้านการผลิตและจำหน่ายท่อและผลิตภัณฑ์สแตนเลส สำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการตกแต่งและก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการเข้าซื้อขายของหุ้น TGPRO วันแรกคือในวันที่ 3 พฤษภาคม 2550 หลังจากได้รับอนุญาตจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้กลับเข้าทำการซื้อขายได้อีกครั้ง ในหมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ปรากฏว่าหุ้นของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยมีราคาปิดที่ 1.37 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 37 สตางค์ หรือ 37% เมื่อเทียบกับราคาปิดครั้งล่าสุด มีจำนวนหุ้นที่ทำการซื้อขายรวม 109.8 ล้านหุ้น และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 167.6 ล้านบาท ติดอันดับ 1 ของหุ้นที่มีราคาเปลี่ยนแปลงขึ้นมากที่สุดประจำวัน (Top Gainer) แสดงให้เห็นถึงนักลงทุนส่วนใหญ่มีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัท รวมถึงปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต |
. |
"สำหรับหุ้นของ TGPRO ถือเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี โดยสถานะทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นหลังจากที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่มีความมั่นใจ ที่ผ่านมามีรายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่ารายได้ปี 2550 น่าจะโตจากปีที่แล้วประมาณ 5-10% ขณะที่ตัวเลขอื่นๆอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน ทำให้การทำงานง่ายขึ้น โดยหลังจากนี้ TGPRO ต้องเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงการขยายฐานของกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น" นายรชต กล่าว |
. |
สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาปรากฏว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,756 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 36 ล้านบาท มีทรัพย์สินรวม 1,845 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรข้างต้นอยู่ที่ 15.43% อัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น 32.65% ซึ่งมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานคิดเป็น 0.11 บาท |
. |
การเข้าทำการซื้อขายรอบใหม่ของ TGPRO ทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานตามแนวทางที่วางไว้ สำหรับแผนงานปี 2550 ที่มีแนวทางด้านการดำเนินงานออกเป็น 3 แนวทางหลัก ๆ ดังนี้ |
. |
1) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการขยายฐานด้านการตลาด โดยปัจจุบันบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิต และส่งออกท่อสแตนเลสสำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทั้งในด้านกำลังการผลิตและความแตกต่างของสินค้า โดยมีกำลังการผลิตของเครื่องจักรสูงสุด กว่า 50,000 ตันต่อปี สามารถผลิตท่อตั้งแต่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.5 – 508 mm. และความหนาสูงสุดถึง 12.5 mm. ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงจากประเทศเยอรมนี ภายใต้การรับรองมาตรฐาน ISO 9000 จากสถาบัน TUV NORD ขณะที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมหนักทั่วไป เช่น โรงงานปิโตรเคมีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษและเคมีภัณฑ์ รถยนต์ อาหาร นม ยา เวชภัณฑ์ต่าง ๆเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ท่อสแตน เลสแบบพิเศษ ทั้งในและต่างประเทศ โดยหลังจากการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการจะส่งผลให้กลุ่มลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ วางแผนที่จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆออกสู่ตลาด รวมถึงการขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีอัตราการขายในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30% |
. |
2) การบริหารและจัดการโครงสร้างทางด้านการเงิน มุ่งเน้นการบริหารงานภายใต้ระบบบรรษัท ภิบาลที่ดี (Good Governance) เน้นความโปร่งใส และมุ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น ขณะที่ในส่วนของนโยบายด้านการลงทุนใหม่ ๆจะพิจารณาจากผลตอบแทนของการลงทุน และปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ โดยพยายามควบคุมอัตราส่วนทางการเงินให้อยู่ในค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเป็นหลัก |
. |
3) การพัฒนาและส่งเสริมภาพลักษณ์ของกิจการ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ อยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูจึงประชาสัมพันธ์เฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่รู้จักบริษัทหรือมี Brand Loyalty โดยตรง เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตรายแรกของประเทศไทยและปัจจุบันกำลังขึ้นปีที่ 35 โดยในปี 2550 จะหันมาเน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยมุ่งการสื่อสารไปยังลูกค้าโดยตรง กลุ่มลูกค้าคาดหวังใหม่ ๆและกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้ารายย่อย หรือ End Users ผ่านกิจกรรมทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศในหลายรูปแบบ อาทิ การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการออกงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อมุ่งสร้างความเข้าใจในรูปแบบสินค้าและบริการให้เพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ในส่วนของลูกค้าเดิมก็จะมุ่งเน้นกิจกรรมที่สนับสนุนกิจกรรมทางด้านงานขาย และการสร้างสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้า อาทิ การจัดงานสัมมนา การเยี่ยมชมโรงงานผลิต เป็นต้น |