Grand Starex Premium 7 ที่นั่งแท้ๆสำหรับครอบครัวยุคใหม่รสนิยมพรีเมี่ยม
ฮุนไดเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในเซ็กเมนท์รถยนต์ Luxury MPV ด้วยการเปิดตัว Grand Starex Premium 7 ที่นั่งแท้ๆสำหรับครอบครัวยุคใหม่รสนิยมพรีเมี่ยมในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29
- ครั้งแรกในโลกกับ Grand Starex Premium เฉพาะ “คนไทย” เพื่อครอบครัวพรีเมี่ยมที่ต้องการความสบายส่วนตัวที่มากขึ้นกว่าเดิม พร้อมราคาพิเศษช่วงเปิดตัวที่ 1,848,000 บาท เสริมไลน์รองรับความต้องการให้ผู้นิยม Grand Starex VIP
- โชว์ศักยภาพเทคโนโลยีรถไฟฟ้าเพื่ออนาคตกับรถต้นแบบ i-oniq เจ้าของรหัส HED-8 ครั้งแรกในอาเซียน
- บู๊ธคอนเซ็ปต์ใหม่ Hyundai Global ยกระดับแบรนด์อิมเมจเทียบชั้นตลาดชั้นนำในยุโรปภายใต้แนวคิด Modern Premium
บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ ฮุนไดอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประกาศศักยภาพครบรอบ 5 ปี ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมต่างๆมากมายภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 หรือ Motor Expo 2012 ดังต่อไปนี้
1. การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Grand Starex Premium รถยนต์ระดับ Luxury MPV แบบ 7 ที่นั่งแท้ๆจากโรงงานที่บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นทางเลือกใหม่ของครอบครัวระดับไฮเอนด์ที่ต้องการความ “เหนือกว่า” ของพื้นที่ใช้สอยและความสบายส่วนตัวในรูปแบบ 7 ที่นั่งซึ่งไร้เคาน์เตอร์กั้นกลางห้องโดยสาร แต่ทดแทนด้วยระบบความบันเทิงแนวใหม่ซึ่งประกอบไปด้วยจอ LCD แบบพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้าติดเพดานขนาด 10.2 นิ้ว ต่อเชื่อมกับเครื่องเล่น DVD head unit ด้านหน้า ซึ่งสิ่งที่ผู้ใช้ได้รับคือที่นั่งแถวหน้าด้านคนขับที่มีอิสระในการปรับตำแหน่ง และความสบายบนที่นั่ง Double VIP Seats ที่ปรับจังหวะล็อกเลือกตำแหน่งบนรางเลื่อนนิรภัยคู่ได้มากกว่าเดิม ทำให้ความสบายส่วนตัวของผู้โดยสารบนเบาะนั่ง Double VIP Seats เหนือกว่ารถยนต์ Luxury MPV ขนาด 7 ที่นั่งรุ่นอื่นอย่างสัมผัสได้
อุปกรณ์ความสะดวกสบายอื่นๆที่ทำให้ Grand Starex Premium เป็นรถยนต์ระดับหรูหราของครอบครัวพรีเมี่ยมยุคใหม่มีดังต่อไปนี้
- เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลรุ่นใหม่ “แรงบิดสูง” มาตรฐานยูโร 4 ให้กำลังสูงสุดที่ 175 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 441 นิวตันเมตร ที่ 2000 – 2250 รอบต่อนาที
- เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล สร้าง engine brake ในยามที่ต้องการ และเพิ่ม traction ยามเข้าโค้งในรูปแบบที่รถ Luxury MPV ขนาดใหญ่ต้องการ
- เบาะนั่ง Double VIP Seats ให้ความสบายที่พิเศษกว่า ปรับเอนนอนและที่รองรับต้นขาด้วยไฟฟ้า และปรับเลื่อนตำแหน่งบนรางเลื่อนนิรภัยได้มากกว่าเดิม เพื่อความลงตัวของการใช้พื้นที่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
- พวงมาลัยแบบ Multi-function ปรับเครื่องเสียงให้ความสะดวกสูงสุด
- กระจกมองข้างซ้ายขวาปรับ และพับด้วยไฟฟ้า
- กล้องส่องหลังช่วยให้การจอดรถปลอดภัยไร้กังวล
- พื้นที่เก็บสัมภาระตอนหลังสามารถปรับขยายให้รองรับการใช้งานได้เพียงการเลื่อนเบาะเท่านั้น สะดวกสบายเหนือความคาดหมาย
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยางขนาด 235/60 R17
- ระบบเบรค ABS
- กุญแจรีโมท พร้อมระบบเซ็นทรัลล็อกและสัญญาณกันขโมย
- ตกแต่งภายในด้วยลายไม้มีระดับ
- ไฟตัดหมอก เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
2. ไฮไลท์ของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของรถยนต์ฮุนไดที่มีแผนก R&D หรือแผนกวิจัยและพัฒนา ที่มีความสามารถระดับแถวหน้าของโลกเป็นประกัน ซึ่งผลงานในงาน “มหกรรมยานยนต์” ในปีนี้คือการเปิดตัวรถต้นแบบที่มีชื่อว่า i-oniq รถต้นแบบที่ใช้งานได้แบบรถไฟฟ้าแบบเต็มตัว และแบบไฟฟ้าผสมน้ำมันในสไตล์ Hybrid เจ้าของรหัส HED-8 ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นรถสปอร์ตแฮ็ชแบ็คพลังไฟฟ้า – ตัวแทนไลฟ์สไตล์แห่งอนาคตที่มาพร้อมความประหยัด และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยพลังงานหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 กิโลวัตต์ (109 แรงม้า) ซึ่งจะพาทะยานไปได้ไกลถึง 120 กิโลเมตร และเมื่อใช้งานในแบบ Hybrid กับเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก 3 สูบ 1000 ซีซี กำลังสูงสุด 45 กิโลวัตต์ (61 แรงม้า) ก็สามารถจำกัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียที่ระดับเพียง 45 กรัมต่อกิโลเมตร นับว่าเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของการพัฒนาเครื่องยนต์อย่างไม่หยุดยั้งของรถยนต์ฮุนได ซึ่งในปัจจุบันรับผลิตเครื่องยนต์ให้แก่รถยนต์ชั้นนำแบรนด์อื่นๆเช่นกัน
ความโดดเด่นของ Concept Car Hyundai i-oniq ยังมีอีกดังต่อไปนี้
- การออกแบบให้เป็นรถสปอร์ตที่ดุดัน เฉียบคม และทันสมัยสไตล์รถยนต์ performance ประตูเปิด 2 บานใหญ่สามารถเปิดขึ้นด้านบนได้แบบ “ปีกนก” ให้ความเร้าใจในทุกอารมณ์ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาของฮุนไดที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งนับว่าเป็นการต่อยอดคอนเซ็ปต์การออกแบบ Fluidic Sculpture Design
- พละกำลังแบบไฟฟ้า และเครื่องยนต์เบนซิน – มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ lithium-ion ขนาด 80 กิโลวัตต์ และเจเนอเรเตอร์ขนาด 55 กิโลวัตต์ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบ Single Ratio และเมื่อต้องการใช้งานแบบ Hybrid ลูกผสมก็มีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1000 ซีซี แบบ 3 สูบ 45 กิโลวัตต์ เสริมการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบขึ้น โดยการเดินทางแบบไฟฟ้าล้วนจะเดินทางได้ไกลสุดที่ 120 กิโลเมตร และเมื่อเดินทางแบบลูกผสมไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ก็จะได้ระยะทางไกลสูงสุดถึง 700 กิโลเมตร โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคายไอเสียไม่เกินระดับ 45 กรัม ต่อกิโลเมตร (คาร์บอนไดออกไซด์)
- มิติตัวถัง - ความยาว 4432 มม ความกว้าง 1916 มม ความสูง 1400 ฐานล้อ 2650 มม
- ไฟหน้าแบบ LED ทันสมัยและลงตัว
- หลังคาแบบ penthouse roof ให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งแก่ห้องโดยสาร ในขณะเดียวกันก็ล้ำสมัย และแตกต่างจากรถรุ่นอื่นๆอย่างชัดเจน
- ภายในถูกออกแบบในคอนเซ็ปต์ Driver-Oriented ที่แผงหน้าปัดบ่งบอกอารมณ์ของยานยนต์แห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์นำทาง Navigator และระบบ Entertainment ต่างๆ พวงมาลัยเซ็นเซอร์แบบสัมผัส และระบบ Motion-Control System ตอนหลังของห้องโดยสารเรียกได้ว่า “สบายและมีระดับ” ให้ความรู้สึกที่ดีแก่ผู้โดยสารได้ตลอดเวลา
มร. โยชิอากิ อิชิมูระ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) กล่าวถึงรายละเอียดของ Grand Starex Premium ว่า “รถยนต์รุ่นใหม่นี้คืออีกหนึ่งทางเลือกของการใช้งานที่ตรงจุด และลงตัวของลูกค้าฮุนไดซึ่งในตอนแรกจะมีการทำตลาดแต่รุ่น Grand Starex VIP ที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ตกแต่งและอุปกรณ์ความบันเทิง อาทิเช่น Entertainment Counter ซึ่งประกอบไปด้วยจอ LED ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่ใช้สอยและความสบายส่วนตัวของผู้โดยสารตอนหลังหายไปบ้าง ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ร่วมกับโรงงานประกอบรถยนต์ฮุนไดในประเทศอินโดนีเซียนำเสนอ Grand Starex Premium เพื่อให้ผู้ที่ต้องการพื้นที่และสภาพในห้องโดยสารที่อบอุ่นในแบบครอบครัวมากกว่าการเป็นรถระดับไฮเอนด์เฉพาะนักธุรกิจ หรือผู้บริหารชั้นนำเท่านั้น ซึ่งในส่วนของการขายก็คิดว่าจะสามารถเป็นทางเลือกเพื่อเติมเต็มความต้องการให้ลูกค้ารถยนต์ฮุนไดได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามยอดจำหน่ายหลักราวร้อยละ 80 น่าจะเป็นของรถรุ่นหลักอย่าง Grand Starex VIP อยู่ถ้าพูดถึงเซ็กเมนท์ของรถยนต์ Luxury MPV แบบ 7 ที่นั่ง”
“ฮุนไดมาพร้อมนโยบายที่เติมเต็มให้แก่ตลาดรถยนต์ และเลือกที่จะรองรับผู้บริโภคมากกว่าการที่จะเลือกรถยนต์ที่เข้ามาเน้นแข่งขันในตลาดที่กว้างกว่า ซึ่งนโยบายนี้ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าระดับพรีเมี่ยมให้ความไว้วางใจบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) ด้วยดีเสมอมาจนวันนี้มีรถยนต์ในตลาดสู่หลัก 15,000 คัน” มร. อิชิมูระกล่าว
“สำหรับรถต้นแบบรุ่นล่าสุดจากฮุนได ทางเราได้รับการสนับสนุนด้วยดีอย่างต่อเนื่องจากบริษัท ฮุนได มอเตอร์ คอมปานี โดยในปีนี้เราต้องการจะแสดงให้เห็นถึงรถยนต์ที่มีความซับซ้อน และมีสมรรถนะที่เหนือกว่ารถต้นแบบที่แล้วๆมา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า i-oniq เป็นรถที่มีเสน่ห์ และน่าหลงใหล อีกทั้งยังเป็นรถต้นแบบที่น่าติดตาม โดยเฉพาะในส่วนของการใช้งานในแบบรักษ์โลก ที่ลดมลพิษเพื่อมนุษยชาติ และลดการใช้พลังงานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี สำหรับฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) รถยนต์คันนี้คือเครื่องยืนยันความก้าวหน้า และคุณภาพของเทคโนโลยีที่เหนือระดับไปอีกขั้นของผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเกาหลีรายนี้ ซึ่งมีการผลิตที่ครบวงจร แม้กระทั่งโรงงานผลิตเหล็กเพื่อการผลิตรถยนต์ให้ได้ตามสเป็คที่ต้องการ” มร. อิชิมูระกล่าว
Hyundai i-oniq เปิดตัวครั้งแรกในงาน Geneva Motor Show ปีนี้ ภายใต้แนวคิด Modern Premium ที่ได้รับการตีโจทย์ออกมาอย่างละเอียด ทำให้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างประณีตเพื่อเป็นพื้นฐานของการผลิตรถยนต์ที่อิงความเป็นรถ “พรีเมี่ยมยุคใหม่” ของฮุนไดให้ชัดเจน และถูกรสนิยมของผู้ใช้รถยุคใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการเป็นรถสปอร์ตแบบ 4 ที่นั่งที่โฉบเฉี่ยวแต่คมเข้มภายใต้มิติความคอมแพ็คของรถยนต์ระดับ c segment ที่ให้ความคล่องตัวบนการออกแบบที่เน้น “อารมณ์” หรือ ความไดนามิกส์ที่สะท้อนความเหนือชั้นของการสรรสร้างชิ้นงานบนหลักแอโรไดนามิกส์ที่ล้ำสมัย สมกับความเป็นรถยนต์ฮุนไดยุคใหม่ที่ใช้ประโยชน์สูงสุดจากศูนย์พัฒนาวิจัย และอุโมงค์ลมมูลค่าหลายพันล้านบาท
ในส่วนของบู๊ธฮุนไดในงานมหกรรมยานยนต์ปีนี้ มีพัฒนาการขึ้นไปอีกระดับ เพราะบู๊ธถูกปรับให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์การแสดงรถยนต์ของฮุนไดในภาคพื้นยุโรป ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่ทันสมัย และแสดงออกถึงความหรูหรา ด้วยสีหลักที่เป็นสีดำที่ขรึมแต่มีพลัง สลับสีขาว และสีฟ้าซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ฮุนไดซึ่งแฝงไว้ซึ่งความตื่นตาตื่นใจ และความรู้สึกที่ดีแก่ผู้เข้าชมบู๊ธในปีนี้ได้เป็นอย่างดี
พบกับรถต้นแบบ Hyundai i-oniq และ Grand Starex Premium รวมไปถึงรถยนต์ยอดนิยมรุ่นอื่นๆจากฮุนได อาทิ เช่น Grand Starex VIP, H-Series, Sonata Sport, Tucson Series และ Elantra ได้ที่ บู๊ธฮุนได (A05) อาคารชาเลนเจอร์ 1-2 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2555