ธุรกิจพลังงานทดแทนจะได้รับประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในด้านพลังงานทดแทนในภูมิภาค
นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนจะได้รับประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในด้านพลังงานทดแทนในภูมิภาค
ทั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้สามารถรับซื้อวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนมากขึ้น หลังจากที่ไทยเริ่มหาซื้อวัตถุดิบได้ยากขึ้น เช่น รับซื้อเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันจากมาเลเซียและอินโดนีเซียเข้ามาใช้ในโรงไฟฟ้าทลายปาล์มในภาคใต้ได้หรือรับซื้อเศษไม้อัดแท่งจากพม่าเข้ามาเป็นวัตถุดิบในโรงไฟฟ้าชีวมวลรวมทั้งยังมีแนวคิดเข้าไปปลูกสบู่ดำในประเทศลาวและกัมพูชาเพื่อนำมาผลิตไบโอดีเซลได้ซึ่งการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบก็จะง่ายขึ้นและไม่มีอัตราภาษีเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันเริ่มมีประเทศเจ้าของเทคโนโลยีเข้ามาตั้งฐานในไทยเพื่อทำโครงการตัวอย่างในด้านพลังงานทดแทน เช่น ตั้งโครงการสาธิตโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ เพื่อใช้ไทยเป็นฐานในการกระจายเทคโนโลยีออกไปสู่อาเซียน ซึ่งไทยจะได้รับประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางดังกล่าวอย่างมาก เพราะจะทำให้คนที่สนใจในเรื่องพลังงานทดแทนจะต้องเข้ามาดูงานและศึกษาในเมืองไทย
"ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งประเทศที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับไทย คือ มาเลเซีย และอินโดนีเซียแต่เขาเป็นประเทศที่มีพลังงานเหลือใช้ จึงไม่มีการพัฒนาอย่างจริงจัง ส่วนฟิลิปปินส์เน้นพลังงานลมเป็นหลัก เพราะมีภูมิประเทศเป็นเกาะและมีพลังงานใต้พิภพมาก จึงค่อนข้างแตกต่างจากของไทยที่มีการพัฒนาค่อนข้างครบถ้วน" นายพิชัยกล่าว
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนของไทยที่มีศักยภาพมีโอกาสเข้าไปทำงานในโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนอีกด้วย เช่น ลาว ดังนั้นหากประเทศต่างๆ ในอาเซียนมีการพัฒนาด้านพลังงานทดแทนมากขึ้นก็จะเป็นโอกาสของไทย