"บ๊อช" สบช่องกฎหมายตรวจสอบอาคารช่วยดันตลาดระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยบูม คาดมีอาคารที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบกว่า 50% จาก 1.5-2 หมื่นอาคาร ที่ต้องปรับปรุงระบบใหม่ เงินสะพัด 6-7 พันล้านบาท
"บ๊อช" สบช่องกฎหมายตรวจสอบอาคารช่วยดันตลาดระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยบูม คาดมีอาคารที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบกว่า 50% จาก 1.5-2 หมื่นอาคาร ที่ต้องปรับปรุงระบบใหม่ ส่งผลให้มีเงินสะพัด 6-7 พันล้านบาท งัดกลยุทธ์จัดแพ็กเกจขายพ่วงกับระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยด้วยเสียงราคาถูกกว่าปกติ 20% ควบจัดกิจกรรมโปรโมตสินค้านำผู้ตรวจสอบอาคารมาพบกับเจ้าของอาคาร หวังดันยอดขายเติบโตจากปีก่อนเท่าตัว |
. |
นายอานนท์ กุลวงษ์วาณิชย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์และการตลาดระบบเตือนอัคคีภัย บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า จากที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ออกกฎกระทรวงตรวจสอบอาคาร บังคับให้อาคารที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบตามกฎกระทรวงดังกล่าว อาทิ อาคารสูง (ตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป) อาคารขนาดใหญ่พิเศษ (1 หมื่น ตร.ม.ขึ้นไป) โรงแรมตั้งแต่ 80 ห้อง เป็นต้น ต้องส่งแบบรายงานการตรวจสอบอาคารภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และปรับปรุงอาคารให้มีมาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ที่กำหนด เท่ากับว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เจ้าของอาคารตื่นตัวมากขึ้น และน่าจะทำให้ตลาดของระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยขยายตัวได้อีกมาก |
. |
ประมาณการว่าจากอาคารจำนวน 1.5-2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบ ปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 50% ที่ไม่ได้ติดตั้งระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าที่มีอายุ 30-40 ปี หรือติดตั้งอุปกรณ์แล้วแต่ไม่สามารถใช้งานได้ อาคารเหล่านี้ถ้ามีการปรับปรุงระบบให้ถูกต้องคาดว่าจะมีเงินสะพัดในตลาดระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย 6,000-7,000 ล้านบาท |
. |
นายอานนท์กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้วางแผนการตลาดเพื่อผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยใน 3 ส่วน คือ 1)นำผลิต ภัณฑ์มาจัดแพ็กเกจขายคู่กับระบบเสียงประกาศแจ้งเตือนอัคคีภัย (จากเดิมใช้เสียงสัญญาณเตือน) ในราคาถูกกว่าปกติ 20% 2)จัดกิจกรรมให้ผู้ตรวจสอบอาคารและเจ้าของอาคารมาพบปะกัน และให้ความรู้เกี่ยวกับระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยที่ถูกต้อง คาดว่าจะเริ่มในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ และ 3)ส่งทีมขายตรงเจาะงานโครงการต่าง ๆ |
. |
"ปัจจุบันแบรนด์ชั้นนำในตลาดนี้มี อาทิ บ๊อช ซีเมนส์ จีอี ฮันนี่เวลล์ ฯลฯ สำหรับบ๊อชเชื่อว่าเรามีมาร์เก็ตแชร์ติด 1 ใน 3 อันดับแรก และจากกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้ ตั้งเป้าว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นกว่า 1 เท่าตัว จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1,000 ชุด" |
. |
บ๊อชยังไม่มีนโยบายขยายธุรกิจรับตรวจสอบอาคาร แต่พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาทำงานควบคู่กับผู้ตรวจสอบอาคาร ในการวางระบบหรือติดตั้งระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยตามอาคารต่างๆ ปัจจุบันมีบริษัทผู้ตรวจสอบอาคารเป็นพันธมิตร 2-3 ราย |
. |
นายอานนท์กล่าวต่อว่า บ๊อชมีผลิตภัณฑ์แจ้งเตือนอัคคีภัยสำหรับติดตั้งในอาคารขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ อาทิ ตู้ควบคุมระบบ รุ่น FPA 5000 สำหรับอาคารขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน ราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 1 ล้านบาท ตู้ควบคุมระบบ รุ่น FP Series สำหรับอาคารขนาดกลางถึงขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ตรวจจับควันแบบไร้สาย (smoke detector) ที่มีทั้งระบบตรวจจับความร้อน ระบบตรวจจับควันชนิดแสงแบบอัตโนมัติ และแจ้งเตือนด้วยเสียงความถี่ 80 เดซิเบล ราคาชุดละ 1,000 บาท เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยขนาดเล็ก หรือห้องชุดในอาคารชุดที่ต้องการความปลอดภัยเป็นพิเศษ |
. |
โดยจุดแข็งของบ๊อชคือเป็นแบรนด์จากเยอรมนีที่ได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพมาตรฐาน มีระบบบริการหลังการขายโดยตรวจเช็กอุปกรณ์ฟรี 2 ครั้ง (ทุก 6 เดือน) ในช่วง 1 ปีแรก และมีศูนย์เทรนนิ่งเซ็นเตอร์เพื่อฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับดีลเลอร์ของบ๊อชอย่างต่อเนื่อง |
. |
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ |