เนื้อหาวันที่ : 2007-05-18 09:36:10 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2486 views

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น แถลงกำไรทั่วโลกเพิ่มกว่า 8 หมื่นล้านเยน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยิ้มรับผลประกอบการทั่วโลกปี 2549 รายได้ฉลุยกว่า 2 ล้านล้านเยน กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 8 หมื่นล้านเยน เชื่อผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นดันบริษัทเข้าสู่การมีกำไรอีกครั้งในรอบ 4 ปี พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยิ้มรับผลประกอบการทั่วโลกปี 2549 รายได้ฉลุยกว่า 2 ล้านล้านเยน กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 8 หมื่นล้านเยน เชื่อส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นดันบริษัทเข้าสู่การมีกำไรอีกครั้งในรอบ 4 ปี พร้อมเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายทั่วโลกให้ได้ 7.4 % หลังจบปีงบประมาณ 2550

.

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประกาศผลประกอบการหลังจบปีงบประมาณ 2549 (มีนาคม 2550) ด้วยตัวเลขรายได้กว่า 2,202.9 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2548 ที่ผ่านมา 82.8 พันล้านเยน ส่งผลให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.7 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นกว่า 100.9 พันล้านเยน ถึงแม้ยอดขายโดยรวมจะลดลง 8.3% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นจากการแนะนำโมเดลใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น รวมไปถึงการประสบความสำเร็จจากการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งแผนการลดต้นทุนที่บริษัทดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการกลับมาทำกำไรอีกครั้งในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2002 ที่ผ่านมา

.

ปี 2549 ยอดขายทั่วโลกลดลง 8.3% แต่กำไรเพิ่มขึ้น

หลังจบปีงบประมาณ 2549 (มีนาคม 2550) มิตซูบิชิ มียอดขายปลีกรถยนต์ทั่วโลกของอยู่ที่ 1,232,000 คัน ลดลง 112,000 คัน หรือประมาณ 8.3% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2548 ที่มียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 1,344,444 คัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงของประเทศภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่ยอดขายในอเมริกา ยุโรปและตะวันออกกลาง รวมถึงแอฟริกากลับเพิ่มขึ้น

.

โดยประเทศญี่ปุ่น มียอดขายรถยนต์มิตซูบิชิรวมอยู่ที่ 247,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 3.9 % หรือประมาณ 10,000 คัน เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้านี้ ซึ่งดีกว่ายอดขายโดยรวมของตลาดญี่ปุ่นที่ลดลงไปกว่า 4.3 % เป็นผลมาจากการแนะนำมิตซูบิชิ ปาเจโร่ และ Delica D: 5 ในช่วงครึ่งปีหลัง ในขณะที่อเมริกาเหนือ มียอดขายรวมอยู่ที่ 164,000 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% หรือกว่า 8,000 คัน ถือเป็นการกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2001 เนื่องจากมีการแนะนำโมเดลใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทั้ง Eclipse Spyder ในเดือนเมษายน และ มิตซูบิชิ เอาท์ แลนเดอร์  SUV ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา  รวมไปถึงการใช้เครื่องมือช่วยกระตุ้นการขายแบบเหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละภูมิภาคต่างๆ  ทั้งนี้ในยุโรป มียอดขายรถยนต์มิตซูบิชิรวมอยู่ที่ 282,000 คัน เพิ่มขึ้น 5.6 % หรือประมาณ 15,000 คัน จากการเติบโตของตลาดในรัสเซีย และยอดขายที่โตขึ้นกว่า 2 เท่าในยูเครน ในขณะที่เอเชีย และภูมิภาคอื่นๆ นั้น มียอดขายอยู่ที่ 539,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 18.8 % หรือประมาณ 125,000 คัน

.

อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายโดยรวมจะลดลง แต่รายได้สุทธิของบริษัทฯ ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตามแผนการฟื้นฟูกิจการ ด้วยกำไรกว่า 8.7 พันล้านเยน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น รวมทั้งแผนการลดต้นทุนที่บริษัทดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง

.
มั่นใจจบปีงบประมาณ 2550 ยอดขาย โต 7.4 %

สำหรับปีงบประมาณ 2550 มิตซูบิชิวางเป้าหมายยอดขายทั่วโลกไว้ที่ 1,323,000 คัน เพิ่มขึ้น 7.4 % เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2549 หรือประมาณ 91,000 คัน และคาดการณ์ตัวเลขรายได้ไว้ที่ 2,430 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 10.3% หรือกว่า 227.1 พันล้านเยน รวมทั้งคาดการณ์ผลกำไรสุทธิหลังจบปีงบประมาณ 2550 ไว้ที่ 20 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2006 โดยจะมีการแนะนำโมเดลใหม่ลงสู่ตลาด ได้แก่ มิตซูบิชิ เอาท์ แลนเดอร์ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา และเริ่มเปิดตัวในภูมิภาคต่างๆ ในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก, และ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ใหม่ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลกที่อเมริกาเหนือเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ โดยบริษัทมีแผนการเปิดตัวในภูมิภาคยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ตามลำดับ

.

สำหรับเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิในภูมิภาคต่างๆ นั้น บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายในประเทศญี่ปุ่นไว้ที่ 250,000 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% หรือประมาณ 3,000 คัน โดยจะมีการแนะนำมิตซูบิชิ การเลนท์ FORTIS  และ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น x  รวมถึงการเพิ่มโมเดลไลน์ให้กับมิตซูบิชิ  Delica D:5 ที่ได้แนะนำไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงานบริการหลังการขายมากยิ่งขึ้น  ในขณะที่ตลาด อเมริกาเหนือนั้นได้ตั้งเป้าไว้ที่ 176,000 คัน  เพิ่มขึ้น 7.3% หรือประมาณ  12,000 คัน จากการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ มิตซูบิชิด้วยการแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น รวมทั้งเพิ่มยอดขายด้วยการแนะนำ มิตซูบิชิ เอาท์ แลนเดอร์ และ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ใหม่ รวมไปถึงการสนับสนุนกิจกรรมของผู้จำหน่าย นอกจากนี้ยังมีแผนการเพิ่มศักยภาพในการผลิตของโรงงานในอเมริกา

.

สำหรับภูมิภาคยุโรปนั้น บริษัทฯได้ตั้งเป้าการจำหน่ายไว้ที่  316,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.1% หรือประมาณ 34,000 คัน พร้อมจัดเตรียมแผนเพิ่มความแข็งแกร่งในการขายรถ SUV รวมทั้งมีการแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ใหม่ และเพิ่มศักยภาพในการขายในตลาดรัสเซีย และยูเครน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตค่อนข้างสูง ด้วยการทำตลาดภายใต้การดูแลจากสำนักงานใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น

.

ทั้งนี้ ในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ นั้น บริษัทได้ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 581,000 คัน เพิ่มขึ้น 7.8% หรือประมาณ 42,000 คัน โดยจะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่  รวมทั้งจัดตั้งบริษัทใหม่จากการทำงานร่วมกับ South East ( Fujian ) Motor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านการขายสำหรับในประเทศจีน พร้อมกระตุ้นการขายด้วยการแนะนำสินค้าใหม่อย่างเอาท์แลนเดอร์ และปาเจโร่ รวมถึงแลนเซอร์ ใหม่ ในลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ส่วนในออสเตรเลียนั้นจะมุ่งเน้นด้านการเพิ่มความแข็งแกร่งงานด้านการขายยนตรกรรมที่ได้แนะนำไปตั้งแต่ปี 2006 ที่ผ่านมาซึ่งได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร่ และ มิตซูบิชิเอาท์แลนเดอร์ รวมถึงการแนะนำแลนเซอร์ใหม่

.

ในขณะที่การดำเนินกิจการในประเทศไทยนั้นจะยังคงเป็นฐานการผลิตรถกระบะที่สำคัญของมิตซูบิชิ โดยตั้งเป้าการจำหน่ายในประเทศไทยไว้ที่  32,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 23 % รวมทั้งให้ความสำคัญกับการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในประเทศไทยได้ครบ 1 ล้านคันภายในมิถุนายนนี้