เนื้อหาวันที่ : 2007-05-17 17:10:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1800 views

"โฆษิต" คุย ปี 50 กิจการพลังงานปั้มเงินเข้ารัฐ 3 แสนกว่าล้าน

"โฆษิต" ตรวจงาน ก.พลังงาน คาดปี 50 กิจการพลังงานสร้างรายได้สู่ภาครัฐไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท มั่นใจภาพรวม แผนการลงทุนในโครงการด้านพลังงาน ในอีก 4 ปีข้างหน้า ช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศ และเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน ระบุพอใจ ผลงาน 6 เดือนกระทรวงพลังงาน พร้อมเร่งสานต่องานที่เหลือโดยเร็ว

"โฆษิต"  ตรวจงาน ก.พลังงาน   คาดปี 50   กิจการพลังงานสร้างรายได้สู่ภาครัฐไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท   มั่นใจภาพรวม แผนการลงทุนในโครงการด้านพลังงาน  ในอีก 4 ปีข้างหน้า  ช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศ และเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน  ระบุพอใจ ผลงาน 6 เดือนกระทรวงพลังงาน  พร้อมเร่งสานต่องานที่เหลือโดยเร็ว

.

นายปิยสวัสดิ์    อัมระนันทน์    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ นายโฆษิต  ปั้มเปี่ยมรัษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม   ในโอกาสที่เดินทางมาตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายงานด้านพลังงาน ที่กระทรวงพลังงาน   ว่า  ได้รายงานให้ทราบถึง  การจัดเก็บรายได้ทุกประเภทจากกิจการพลังงาน ในปี 2549 ที่ผ่านมา  สร้างรายได้ทางตรงเข้าสู่รัฐกว่า  340,000  ล้านบาท  ซึ่งมาจาก การเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียม  ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม    ภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และบริษัทในเครือ   ค่าธรรมเนียมกิจการไฟฟ้าสัมปทาน  และการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดโดยกรมธุรกิจพลังงาน  เงินส่งเข้าคลังจาก 3 การไฟฟ้า  ภาษีและกองทุนต่างๆ จากน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น  โดยคาดว่า  ในปี 2550 นี้ ภาครัฐก็จะมีรายได้รวม จากกิจการพลังงานไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท

.

ทั้งนี้  กระทรวงพลังงาน ได้รายงานเพิ่มเติม ถึงการลงทุนโครงการด้านพลังงาน  ในช่วง 5 ปีข้างหน้า  ระหว่างปี 2550  - 2554  โดยจะมีการลงทุนในโครงการต่าง ๆ  ได้แก่  การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ของบริษัทผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม  มูลค่าประมาณกว่า 6 แสนล้านบาท การลงทุนในกิจการด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและปิโตรเคมีของ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)  มูลค่าประมาณ 5.6 แสนล้านบาท  และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)  มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท  และการลงทุนในแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้า หรือ PDP 2007  มูลค่าประมาณ 4.6 แสนล้านบาท

.

นายปิยสวัสดิ์  กล่าวเพิ่มว่า   รองนายกรัฐมนตรี  พอใจในภาพรวมของผลกระทรวงพลังงานในรอบ 6 เดือน  และได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินงานตามนโยบายต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาล ทั้งด้าน การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน  โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล  และการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ หรือเอ็นจีวีในรถยนต์ให้เพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในช่วงภาวะราคาน้ำมันแพง  และการสานต่อโครงการสำคัญ ๆ  เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ การเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(IPP) ขยายการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เป็นต้น