ปัญหากวนใจสำหรับผู้ที่จำ เป็นต้องใช้บริการรถแท็กซี่ คือ การถูกปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร จากกรณีดังกล่าวมีมาตรการในการแก้ไข
ปัญหากวนใจสำหรับผู้ที่จำ เป็นต้องใช้บริการรถแท็กซี่ คือ การถูกปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร จากกรณีดังกล่าวมีมาตรการในการแก้ไข หรือ ข้อบังคับทางกฎหมายคุ้มครองผู้โดยสารหรือไม่ ติดตามได้จากรายงานพิเศษ ครับ/ค่ะ
ปัญหาผู้ขับรถรับจ้างสาธารณะ หรือ รถแท็กซี่ ปฏิเสธผู้โดยสาร ขับรถไม่สุภาพ พูดจาและแสดงกิริยาไม่เหมาะสม รวมทั้งการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ กับผู้โดยสาร ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไข เพื่อสร้างมาตรฐานการให้บริการของรถแท็กซี่
ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกล่าสุด ณ วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ามียอดร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดของรถแท็กซี่ทั้งหมดกว่า 12,000 ราย แบ่งเป็นกระทำผิดโดยไม่แสดงใบอนุญาตสาธารณะ 2,556 ราย ไม่มีบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ 1,950 ราย แต่งกายไม่สุภาพ 4,618 ราย ไ
ม่นำรถเข้าตรวจสภาพตามที่กำหนด 6 เดือนต่อครั้ง 1,012 ราย ไม่ต่ออายุภาษีรถยนต์ 736 ราย และปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร 1,585 ราย นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบก ได้สุ่มตรวจแท็กซี่ โดยให้เจ้าหน้าที่ปลอมเป็นผู้โดยสารทดลองเรียกใช้บริการแท็กซี่ 300 คัน
ในกรุงเทพมหานคร พบว่า มีแท็กซี่รับผู้โดยสารประมาณ 80 คัน นอกจากนี้ ยังได้ติดต่อชาวต่างชาติปลอมเป็นผู้โดยสาร เพื่อทดลองเรียกใช้บริการด้วย ด้านนายโสรัช ตั้งนิรามัย หนึ่งในผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ เล่าว่า ปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร ส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบ
และถูกสังคมมองว่าเป็นอาชีพที่เห็นแก่ตัว ไม่มีความรับผิดชอบในการบริการ โดยเลือกเส้นทางที่มีโอกาสได้รับค่าโดยสารมาก และการจราจรไม่ติดขัด แต่บางครั้งแท็กซี่ก็มีความจำเป็นต้องปฏิเสธผู้โดยสารจริงๆ ส่วนกรณีที่กรมการขนส่งทางบกดำเนินการเข้มงวดกับรถแท๊กซี่ ส่วนตัวแล้วเห็นด้วย
อย่างไรก็ตามแท็กซี่ไม่มี สิทธิปฏิเสธผู้โดยสาร หากจุดหมายอยู่ในเขตที่กำหนด คือพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดย พ.ร.บ. การจราจรทางบก มาตรา 93 วรรคหนึ่ง ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารโดยไม่มีเหตุอันควรถือเป็นความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และเป็นข้อหาที่ต้องถูกบันทึกคะแนน 20 คะแนน
อีกทั้งยังถูกยึดใบอนุญาตขั้บขี่อีกด้วย สำหรับผู้โดยสารที่ถูกปฏิเสธ ควรรักษาสิทธิของตน จดจำทะเบียนและชื่อผู้ขับรถซึ่งติดอยู่ในใบอนุญาตหน้ารถ แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ สายด่วน 1584 หรือ กองบังคับการตำรวจจราจร สายด่วน 1197 ให้ดำเนินการต่อไป
ข้อมูลข่าวและที่มา : กรมประชาสัมพันธ์