พลังงานไทยถึงขั้นวิกฤต เหตุพึ่งพาเพื่อนบ้านมากเกินไป ผลิตเองไม่ได้ ระบุต้องใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทน
กรมพัฒนาพลังงานทดแทน ชี้ พลังงานไทยถึงขั้นวิกฤต เหตุพึ่งพาเพื่อนบ้านมากเกินไป ผลิตเองไม่ได้ ระบุ ต้องใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทน เผย ร่างกม.พลังงานหมุนเวียนต้องใช้เวลา เพื่อไม่ให้ลักลั่นในการปฏิบัติ กรีนพีซเดินหน้ารณรงค์ปฏิวัติพลังงานต่อเนื่อง
นายสัมฤทธิ์ เหมะ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยค้นคว้าพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทน กล่าวว่า ประเทศไทยต้องการพลังงานหมุนเวียน เพราะ สถานภาพของพลังงานไทยตอนนี้ถึงขั้นวิกฤตแล้ว เนื่องจากประเทศไทยสร้างพลังงานเองไม่ได้ เพราะตอนนี้ประเทศไทยซื้อพลังงานไฟฟ้าจากลาว ซื้อก๊าซธรรมชาติจากพม่า และเพราะก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในอ่าวไทยกำลังจะหมดไป หากวันใดเรามีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านเราก็จะเดือดร้อนทันที เพราะไม่สามารถผลิตพลังงานเองได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องมาแทน คือ พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล
ทั้งนี้ความคืบหน้าของการยกร่างกฎหมายพลังงงานหมุนเวียน คือกำลังศึกษาว่าต้องมีการแก้กฎหมายฉบับใดบ้าง เพื่อที่จะเปิดทางให้พลังงานหมุนเวียนเกิดขึ้นได้จริงไม่เกิดความลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น หากต้องการสร้างพลังงานลมซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่สูงๆ เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ต้องมีการแก้กฎหมายให้มีความสมดุล
นอกจากนี้ต้องมีการแก้ไข พระราชบัญญัติโรงงาน ที่ระบุว่าหากมีติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มากกว่า 1 เมกะวัตต์ขึ้นไปก็จะเข้าข่ายว่าเป็นการสร้างโรงไฟฟ้าใหญ่ ที่ต้องมีกฎเกณฑ์ ต้องห่างจากสถานที่ราชการ ชุมชน ต่างๆ ปัญหาความลักลั่นเหล่านี้กำลังมีการแก้ไขเพื่อให้มีการยกเว้นและสอดคล้องกับปัจจุบัน อีกทั้งต้องมีการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้มีความเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์
“ทั้งนี้อยากให้ทุกคนตระหนักว่าไฟฟ้าของเราใกล้หมดแล้ว เพราะเหลือประมาณ30,000 เมกะวัตต์ เราใช้ประมาณ28,000 เมกะวัตต์ โดยต้องนำพลังงานไฟฟ้าเข้าจากลาว ดังนั้น หากประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหาเราลำบากแน่ ดังนั้น เราต้องสร้างพลังงานพลังงานหมุนเวียนขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะสามารถลดโลกร้อนได้ด้วย” นายสัมฤทธิ์ กล่าวพร้อมกับลงชื่อสนับสนุนกรอบกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่กรีนพีซเสนอด้วย
ทั้งนี้ กรีนพีซได้จัดรณรงค์ “ปฏิวัติพลังงานผ่านกฎหมายพลังงานหมุนเวียน” อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 31 ส.ค. นี้ กรีนพีซเตรียมจัดสตรีทมิวสิค ที่ เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ถนนเจริญกรุง โดยมีศิลปินนักร้องน่าใสขวัญใจวัยรุ่น “แป้งโกะ” มาร่วมแจมด้วย โดยกรีนพีซได้เรียกร้องให้กฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลกำลังยกร่าง
ต้องมีหลักการขั้นพื้นฐาน 5 ข้อดังต่อไปนี้
1.รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืนเป็นอันดับแรก ผู้ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสามารถเข้าถึงระบบสายส่งก่อนพลังงานอื่นๆ
2. ทุกคน ทุกบ้าน ทุกหย่อมหญ้า สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้และขายเข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียน
3.การบริหารจัดการระบบโครงข่ายไฟฟ้าต้องมีความโปร่งใสและราคาไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมีความเป็นธรรม
4.ต้องมีการจัดตั้งกองทุนและพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในทุกจังหวัด และเพิ่มอัตราการจ้างงานจากการลงทุนและการดำเนินงานระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืน
5.ผู้ใช้ไฟฟ้ามีสิทธิเลือกใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืนแทนไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล เพื่อสร้างจิตสาธารณะร่วมกัน ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม
โดยกรีนพีซเริ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องทั้งทางออนไลน์และการจัดกิจกรรมตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อระดมพลังประชาชนอย่างน้อย 55,555 คน เพื่อผลักดันให้เกิดกฎหมาย พลังงานหมุนเวียนฉบับแรกของไทยโดยเร็วที่สุด