ออกมายอมรับว่าโกหกตัวเลขการส่งออก 15% แต่ไม่เป็นไปตามเป้า อ้างโกหกเพื่อชาติ หวังสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เป็นเรื่องอันตราย ลดความน่าเชื่อถือประเทศไทย
วันที่ (24 สิงหาคม 2555) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้พูดถึงประเด็นที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายอมรับว่าโกหกตัวเลขการส่งออก 15% แต่ไม่เป็นไปตามเป้า อ้างโกหกเพื่อชาติ หวังสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่คนเป็นรัฐมนตรีคลัง ได้รับการอนุญาตให้โกหกได้ เพราะนั่นเป็นเรื่องอันตราย หากข้อมูลที่แถลงนั้นไม่เป็นความจริงตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ ก็เท่ากับเป็นการลดความน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่ใช่ลดความน่าเชื่อถือเฉพาะตัวนายกิตติรัตน์ แต่เป็นการลดความน่าเชื่อถือของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของรัฐบาลไทย และลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยไปในตัวด้วย
ไม่แปลกใจว่าในที่สุดแล้ว ทางรัฐบาลหรือทางรองนายกฯ กิตติรัตน์ จะต้องออกมายอมรับว่าการส่งออกนั้นไม่สามารถทำให้เป็นถึง 15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่รัฐบาลยืนยัน ยึดถือมาตลอด อันนี้คุยกันหลายรอบ แล้วก็ภาคเอกชนเองก็ย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า ไม่คิดว่าตัวเลขนี้จะเป็นจริง
แต่ถามว่าแปลกในคำพูดของทางรองนายกฯ หรือรัฐมนตรี ก็ต้องบอกว่า ตกใจมากกว่า ที่คนเป็นรัฐมนตรีคลังนั้นเขาอนุญาตให้โกหก ขาว สีดำ สีแดง หรืออะไรผมไม่ทราบ ให้พูดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตรงนี้นอกจากประเด็นเรื่องปัญหาว่าการส่งออกในที่สุดแล้วต้องมีการปรับแนวทางการทำงานหรือไม่อย่างไร แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือว่า ถ้ารัฐบาลเองเป็นผู้ให้ข้อมูล ให้ตัวเลข กับทางประชาชน แล้วก็รวมไปถึงภาคเอกชนด้วย และชาวโลกด้วยนั้นสามารถบอกว่า พูดตัวเลขเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในลักษณะที่บอกว่า เป็นการโกหกได้นั้น อันตราย
ยังคิดว่าถ้าเกิดรัฐบาลบอกว่าด้วยเหตุอะไรก็ตาม เดิมตั้งใจจะทำให้ได้ 15% มันทำไม่ได้ ขอปรับเปลี่ยนตัวเลขลง ยังจะดีเสียกว่าที่บอกว่ามาพูดว่า ตั้งใจที่จะโกหก เพียงเพื่อจะเรียกความเชื่อมั่น เพราะว่าเคยพูดมาหลายครั้ง การเรียกความเชื่อมั่นนั้นก็สำคัญ แต่การเรียกความเชื่อมั่นที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นการเรียกความเชื่อมั่นได้ในระยะยาว ก็คือว่า ให้ความจริง แล้วก็ให้ความมั่นใจว่าในความจริงนั้น รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไร
แต่ถ้าหากว่าบอก พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการปั่นตัวเลข เพื่อที่จะให้เกิดความเชื่อมั่นแล้ว อันนี้ไม่เป็นผลดี ในที่สุดถ้ามันไม่เป็นความจริง เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ก็ทำไม่ได้ แล้วก็ไปลดความน่าเชื่อถือ ซึ่งมันไม่ใช่การลดความน่าเชื่อถือของนายกิตติรัตน์ แต่มันเป็นการลดความน่าเชื่อถือของคนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของรัฐบาลไทย แล้วก็ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยไปในตัวด้วย
เพราะว่าหลังจากนี้ไปทุกครั้งรัฐมนตรีคลัง หรือทีมเศรษฐกิจ หรือรัฐบาลใช้ตัวเลขอะไร คนก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามได้อีกว่าตกลงเป็นการโกหกสีขาวอีกหรือไม่ ทุกครั้งที่พูดถึงตัวเลขก็จะมีคนคอยจับผิดเลย จะเป็นปัญหา ก็จะเกิดความไม่เชื่อมั่นขึ้น