ซีเมนส์  บริษัทชั้นนำแห่งการนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ และเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับธุรกิจโทรคมนาคมรวมถึงเป็นผู้ให้บริการระบบขนส่งในลักษณะเทิร์นคีย์ สัญชาติเยอรมัน เผยโฉม  เอ็กไซเดอร์โดม (exiderdome) ศูนย์แสดงสินค้าระบบอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีขนาดกว่าครึ่งสนามฟุตบอล ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายและติดตั้งที่ไหนก็ได้ในโลกเป็นครั้งแรกในประเทศไทยวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 นี้

เอ็กไซเดอร์โดม (exiderdome) เป็นแนวคิดใหม่ล่าสุดในการจัดแสดงสินค้าที่เรียกว่าโมดูลาร์หรือถอดประกอบได้  ซึ่งสินค้าทุกชิ้นภายใต้เอ็กไซเดอร์โดมจะสามารถเก็บใส่คอนเทนเนอร์จำนวน 50 ตู้ ซึ่งขนส่งได้ง่ายทั้งทางบก ทางน้ำหรือทางอากาศ ก่อนจะแกะกล่องประกอบเป็นงานแสดงสินค้าแบบเคลื่อนย้ายได้โดยมีเนื้อที่ประมาณ 900 ตารางเมตร หรือประมาณครึ่งสนามฟุตบอล โถงแสดงสินค้าภายใต้เอ็กไซเดอร์โดมจะแบ่งเป็น 2 ชั้น มีน้ำหนักเกือบ 670 ตัน และต้องใช้รถบรรทุกถึง 45 คัน (ซึ่งเมื่อจอดเรียงเป็นแถว จะยาวประมาณ 1 กิโลเมตร) เพื่อขนอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของเอ็กไซเดอร์โดม รวมทั้งคอนเทนเนอร์อีก 2 ตู้ใหญ่ที่ใช้เก็บเครื่องปั่นไฟ  การติดตั้งเอ็กไซเดอร์โดม   ต้องใช้คนงาน 34 คน และใช้เวลาติดตั้งทั้งสิ้นประมาณ 10 วัน

มร. อูโด พูเซ่ (Udo Puhze) รองประธานบริหารและหัวหน้ากลุ่มระบบอัตโนมัติและการขับเคลื่อน (ออโตเมชั่นแอนด์ไดรฟ์) ของซีเมนส์  กล่าวว่า เราภูมิใจมากที่มีโอกาสนำเทคโนโลยีล่าสุดที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติสำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรม รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรามาให้ลูกค้าได้ประจักษ์แก่สายตาในประเทศไทย โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ในโปรแกรมของการเดินทางรอบโลก (world tour) ของศูนย์แสดงสินค้าเคลื่อนที่เอ็กไซเดอร์โดมนี้ เนื่องจากเราเชื่อมั่นในตลาดของประเทศไทยตลอดจนอัตราการเติบโตที่น่าพอใจของที่นี่

โดยภายในเอ็กไซเดอร์โดม ผู้ชมจะมีโอกาสสัมผัสกับเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดของงานระบบอัตโนมัติ (automation) ของซีเมนส์ ซึ่งครอบคลุมสินค้าและระบบภายใต้แนวคิด Totally Integrated Automation (TIA) และ Totally Integrated Power (TIP) โซลูชันแบบบูรณาการนี้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมทุกประเภท รวมถึงอุตสาหกรรมเคมี ปิโตรเคมี อาหารและเครื่องดื่ม น้ำมันและแก๊ส แก้ว เหล็ก กระดาษ เครน รถยนต์ ตลอดจนโออีเอ็ม (ผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับน้ำ

.

เราต้องการให้ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ของเราเห็นว่า ซีเมนส์จะสามารถช่วยลูกค้าเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรมได้ด้วยแนวคิดแบบ TIA และ TIP ของเรา โดยเอ็กไซเดอร์โดมจะเป็นสื่อจัดแสดงพอร์ตโฟลิโอสินค้าระบบอัตโนมัติและการขับเคลื่อนทั้งหมดที่ซีเมนส์มี ซึ่งเชื่อมั่นว่าผู้ที่มาเยี่ยมชมจะได้รับประสบการณ์ใหม่อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการนำเสนอผ่านทางเอ็กไซเดอร์โดมที่เรานำมาให้ชมกันถึงกรุงเทพฯ นี้

.

เอ็กไซเดอร์โดมมีแผนเปิดตัวให้ผู้คนใน 15 ประเทศทั่วโลกได้ยลโฉมภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ก่อนเดินทางต่อไปที่เกาหลีใต้ และจะมาที่เมืองไทย ก่อนจะไปที่ประเทศจีนอีกครั้ง จากนั้น เอ็กไซเดอร์โดมจะเดินทางต่อไปยังรัสเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก

เอ็กไซเดอร์โดมเป็นแนวคิดในการจัดแสดงสินค้าหรือเทรดโชว์ที่ล้ำสมัยที่สุดในขณะนี้ ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัติของซีเมนส์ (Siemens Automation and Drives) เป็นผู้พัฒนาหลังประสบความสำเร็จในการเปิดตัวเอ็กไซเดอร์ (exider) เมื่อปี พ.ศ.2545 โดยในครั้งนั้น มีการใช้รถไฟที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้จัดแสดงนิทรรศการเคลื่อนที่ รถไฟขบวนพิเศษเอ็กไซเดอร์เทรนเดินทางรอบโลกรวมระยะทางทั้งสิ้น 70,000 กิโลเมตรไปยัง 112 เมืองใน 24 ประเทศทั่วโลกจนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ บริษัท ซีเมนส์

กระบวนการผลิตในโรงงานที่ทันสมัยทุกวันนี้เริ่มสลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบตั้งแต่การขับเคลื่อน (Drives) และอุปกรณ์ในการควบคุม ไปจนถึงระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าและการกำกับดูแลระบบ การเชื่อมโยงอุปกรณ์และเครื่องมือเหล่านี้ทั้งหมดให้เป็นระบบที่ทำงานได้ดีระบบเดียวจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความชำนาญในเรื่องกระบวนการและวิศวกรรมระบบ ทั้งนี้ กุญแจสำคัญของความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในระยะยาว คือ การวางแผนการใช้ทรัพยากรในโรงงานที่ดี รวมถึงการอัพเกรดอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นระยะ ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิต ลดต้นทุนในการดำเนินงาน และเพิ่มผลผลิต กลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ(Automation and Drives – A&D) ของซีเมนส์มีผลิตภัณฑ์และระบบที่เป็นผลพวงของนวัตกรรมใหม่ ๆ กว่า 137,000 ชนิด รวมทั้งโซลูชั่นและบริการอย่างสมบูรณ์แบบให้กับระบบอัตโนมัติที่ใช้ในการผลิต ระบบอัตโนมัติที่ใช้ในกระบวนการผลิต และระบบอัตโนมัติที่ใช้ในงานอาคาร

กลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Automation and Drives - A&D) ของซีเมนส์ในประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และสำนักงานสาขาที่รับผิดชอบงานด้านการตลาดและบริการที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง กลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้ รับผิดชอบงาน 4 สาขา ได้แก่ ระบบอัตโนมัติที่ใช้ในการผลิต       การควบคุมการเคลื่อนไหวและการขับเคลื่อน (Drives) เครื่องมือในการควบคุมที่ใช้แรงดันต่ำและเครื่องมือใน   การควบคุมงานอาคาร รวมทั้งระบบอัตโนมัติที่ใช้ในกระบวนการผลิต

กลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Automation and Drives - A&D) ของซีเมนส์ได้คิดค้นแนวคิด TIA (Totally Integrated Automation – ระบบอัตโนมัติที่บูรณาการเป็นหนึ่งเดียว) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ระบบอัตโนมัติเพิ่มผลผลิตได้สูงสุด รวมทั้งแนวคิด TIP (Totally Integrated Power – กระแสไฟฟ้าที่บูรณาการเป็นระบบเดียว) ซึ่งควบคุมให้การบริหารการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอาคารต่าง ๆ เป็นไปอย่างประหยัด ฉลาด และต้นทุนต่ำเพื่อให้เกิดกำไรสูงสุดในการผลิต

แนวคิด TIA ผสมผสานเป้าหมายของผู้บริโภคกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของซีเมนส์ โดยลูกค้าจะได้ทั้งกำลังการผลิตที่สูง รวมทั้งความมั่นคงในการลงทุนจากแนวคิด TIA ในขณะเดียวกัน แนวคิดนี้จะช่วยลูกค้าลดความสลับซับซ้อนในการประมวลข้อมูลที่ยุ่งยากมากขึ้นทุกวัน เพื่อให้สภาพแวดล้อมในการผลิตของลูกค้าเป็นสภาพแวดล้อมที่สร้างผลกำไรสูงสุด ทั้งนี้ ซีเมนส์มีโครงสร้างพื้นฐานแข็งแกร่งซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนโซลูชั่นงานระบบอัตโนมัติให้เป็นไปตามความต้องการทุกรูปแบบของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม

แนวคิด TIP ประกอบไปด้วยการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับระบบไอทีทั้งหมด ตลอดจนส่วนประกอบต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมในระดับโรงงาน แนวคิดแบบ TIP นี้เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถออกแบบโซลูชั่นที่จะช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมทั้งใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนตอบสนองต่อแรงผลักดันด้านการตลาดอันหลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น

.

กลุ่มผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Automation and Drives - A&D) ของซีเมนส์ มีพนักงานกว่า 60,800 คนทั่วโลก ในปีงบประมาณ 2005 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2005) สามารถทำกำไรได้กว่า 1,210 ล้านยูโรจากยอดขายกว่า 9,844 ล้านยูโร โดยมีคำสั่งซื้อใหม่มูลค่ากว่า 10,190 ล้านยูโร