หลังการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นครั้งที่ 13 ทั้งสองประเทศได้มีการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งไทยเล็งขยายด้านการส่งออก การค้า และการลงทุนไปยังปากีสถาน
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ครั้งที่ 31เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเกริกไกร จีระแพทย์) ได้เข้าหารือกับมุขมนตรีของมณฑลปัญจาบ (Mr. Chaudhry Pervez Elahi) เพื่อหารือแนวทางการเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับลู่ทางการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งไทยและปากีสถานมีศักยภาพในด้านการค้าระหว่างกัน โดยปากีสถานมีวัตถุดิบ เช่น อัญมณี (ทับทิม/มรกต) เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์เหล็ก และสิ่งทอและเส้นใย เป็นต้น ซึ่งไทยต้องนำเข้าอยู่แล้ว แต่ขณะนี้มีการนำเข้าจากปากีสถานเพียงปีละ 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งปากีสถานอาจหาแนวทางในการขยายการค้าในส่วนนี้ได้ |
. |
ด้านการส่งออกไปปากีสถาน ไทยมีศักยภาพในการขยายการค้าได้โดยเฉพาะสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น อย่างไรก็ตามพบว่าการค้าระหว่างไทยและปากีสถานยังมีไม่มากนัก เนื่องจากนักธุรกิจของทั้งสองประเทศยังไม่รู้จักตลาดระหว่างกันเพียงพอ อีกทั้งไม่มีความสนใจซึ่งกันและกันจึงทำให้การค้าระหว่างกันยังอยู่ในระดับไม่สูงนัก จำเป็นต้องเร่งกระตุ้นให้นักธุรกิจเห็นโอกาสทางการค้าและสร้างเครือข่ายระหว่างกันให้มากขึ้น สำหรับด้านการลงทุน บริษัท ซี.พี. สนใจเปิดฟาร์มเลี้ยงไก่ในปากีสถาน ซึ่งขณะนี้ ได้ขอรัฐบาลปากีสถานจัดสรรที่ดินให้เช่าประมาณ 50 ไร่ โดยมีสัญญาเช่า 50 ปี ซึ่งได้รับอนุมัติแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการจัดสร้างฟาร์มต่อไป |
. |
นอกจากนี้ปากีสถานได้ยกปัญหาเรื่อง Visa ของไทย ซึ่งเดิมสามารถขอได้ที่ละฮอร์โดยตรง แต่ปัจจุบันต้องไปขอที่อิสลามาบัด รวมทั้งขอให้ไทยช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องที่ปากีสถานไม่สามารถขอ Visa on arrival ได้ทำให้ไม่สะดวกแก่นักธุรกิจ |