วิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นในสหภาพยุโรป ทำให้ทั่วโลกวิตกกังวลต่อผลกระทบที่จะตาม รัฐบาลไทยจึงเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมรับมือ
เว็บไซต์สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานว่า วิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นในสหภาพยุโรป ทำให้ทั่วโลกวิตกกังวลต่อผลกระทบที่จะตาม รัฐบาลไทยจึงเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมรับมือ และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและนักท่องเที่ยว
นับแต่เหตุการณ์วิกฤตหนี้เสียของสหภาพยุโรป หรือ อียู เริ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเดือนพฤษภาคม ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งในส่วนของประเทศไทย รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายให้กระทรวงเศรษฐกิจทุกกระทรวง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และเตรียมแผนรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นไว้ทุกวิถีทาง จนกระทั่งมาตรการต่าง ๆ ได้ปรากฏชัดขึ้น เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้หารือกันถึงวิกฤติทางการเงินในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือยูโรโซน พร้อมประเมินแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรวมถึงมาตรการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของไทย
ผลการประชุมครั้งนี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สรุปว่า ไทยจะต้องรับมือด้วยการดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ไว้ให้มั่นคง โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนตัวลงมาในระดับหนึ่ง เพื่อเป็นช่วยเหลือภาคการส่งออก เสถียรภาพเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตลาดเงินของประเทศยังมีเสถียรภาพที่ดี เสถียรภาพการดูแลอัตราการว่างงาน และเสถียรภาพราคาพลังงาน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของประเทศ โดยเรื่องการท่องเที่ยวนั้น จะมีการทำงานร่วมกับประเทศเป้าหมายต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการกลับมาใช้สนามบินดอนเมือง เพื่อให้การบริการนักท่องเที่ยวให้เกิดความสะดวกมากขึ้น และลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในระหว่างที่มีการซ่อมรันเวย์ฝั่งตะวันออก โดยเลื่อนการเปิดใช้สนามบินดอนเมืองจากเดือนตุลาคม 2555 มาเป็นวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ส่วนอุตสาหกรรมส่งออกที่เป็นสินค้าที่ส่งออกไปยุโรป 3 รายการ คือ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องระดับ อัญมณีและอิเลคทรอนิกส์ ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้สถาบันการเงินของรัฐได้เตรียมวงเงินปล่อยสินเชื่อไว้สูงถึง 1 แสนล้านบาทและวงเงินค้ำประกันรายได้ส่งออกอีก 4 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกที่อาจจะชะลอตัวในส่วนของกลุ่มประเทศยุโรปในสินค้า 3 รายการนั้น ยังไม่ถือว่าตกมาก เพียงแค่เห็นสัญญาณ ซึ่งรัฐบาลต้องทำงานอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง ต้องให้ความสำคัญกับตลาดส่งออกอื่น ทั้งตลาดในกลุ่มอาเซียน การค้าชายแดน กลุ่มเอเซียตะวันออกและกลุ่มตะวันออกกลางรวมทั้งตลาดขนาดใหญ่ที่อเมริกาเหนือ โดยมีการแบ่งทีมทำงานมั่นใจว่าการขยายตัวการส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้จะช่วยดูแลกรณีการชะลอตัวการส่งออกในตลาดยุโรป
มาตรการที่ออกมาทั้งหมด มิใช่ว่าจะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ของอียูได้อย่างเบ็ดเสร็จ หากแต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่จะต้องคอยระวังอยู่ด้วย โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมือง ที่มีความอ่อนไหวต่อนักลงทุน และนักท่องเที่ยว หากบรรยากาศทางการเมืองเป็นไปด้วยดี เงินไหลเข้าทั้งจากการลงทุนและการท่องเที่ยว ก็จะดีตามไปด้วย แต่หากมีเหตุการณ์ใดที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อต่างชาติแล้ว เชื่อว่า มาตรการใด ๆ ก็ตาม ที่ออกมา จะไม่ได้ผลไปอย่างน่าเสียดาย
ขอบคุณข้อมูลข่าว : รัชฎา ตรงดี สวท.
Thailandindustrycom_official
