โครงสร้างภาษีรถอีโคคาร์ส่อแววล้ม สูตรอัตราภาษีไม่ลงตัว หลัง BOI เสนอขอให้ปรับลดจาก 35% เหลือ 15% ด้านคลังยืนกรานจัดให้ได้แค่ 20-30% เท่านั้น หวั่นกระทบตลาดรถยนต์เล็ก-ปิกอัพ ชี้การเมืองไม่ชัดเจน ผู้ผลิตไม่มีใครกล้าลงทุนปรับสายการผลิตที่ต้องใช้เวลากว่า 4 ปี แถมตลาดรถเล็กในไทยยังไม่ใหญ่พอใช้เป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต เพื่อส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์เล็กประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ว่า หลังจากที่กระทรวงคลังได้หารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

ล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตกี่เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากกระทรวงการคลังยังคงยืนยันอัตราการจัดเก็บภาษีรถอีโคคาร์อยู่ในช่วง 20-30% แต่ทาง BOI ต้องการให้เก็บในอัตรา 15% เพื่อสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์หันมาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กในประเทศไทย

"ในความเห็นของกระทรวงคลัง หากปรับลดอัตราภาษีรถยนต์จาก 35% เหลือ 15% เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับตลาดรถยนต์ขนาดเล็กที่มีอยู่แล้วรวมถึงรถปิกอัพด้วย ซึ่งบริษัทรถยนต์รายใหญ่หลายบริษัทก็ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวนี้ เพราะจะมาแย่งตลาดกันเอง"

ขณะเดียวกัน ในการออกแบบรถยนต์ขนาดเล็กที่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ค่อนข้างจะยาก และถ้าจะต้องผลิตให้ได้ตามมาตรฐานของประเทศยุโรปด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ และที่สำคัญบริษัทจะต้องมีการลงทุนปรับปรุงสายการผลิตใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ปี

แต่รัฐบาลชุดนี้เหลือเวลาบริหารประเทศไม่ถึง 6 เดือน หากบริษัทรถยนต์ตัดสินใจลงทุนไปแล้ว รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศไม่เห็นด้วยต้องการปรับปรุงใหม่หรือมีนโยบายใหม่ๆ เกรงว่าจะกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้

"ผมเชื่อว่าในสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน คงจะไม่มีนักลงทุนที่ไหนกล้าตัดสินใจลงทุนเปิดสายการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ และรัฐบาลชุดนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ก็ไม่น่าที่จะรีบทำอภิมหาโปรเจ็กต์ ควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำแทนจะเหมาะสมกว่า ซึ่งนโยบาย ดังกล่าวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่อะไร เคยมีการผลักดันขึ้นมาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ในที่สุดก็ล้มเลิกไป เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายไม่เห็นด้วย"

นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็กในประเทศไทยยังมีขนาดเล็กเกินไปไม่มีศักยภาพเพียงพอ หรือ economy of scale ต่ำ ยังไม่พร้อมที่จะใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกได้เหมือนกับอินเดีย ซึ่งในขณะนี้บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ได้เข้าไปลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์อีโคคาร์แล้ว และถ้าจะใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กส่งออกไปในตลาดอาเซียน ทุกประเทศก็มีรถยนต์ประเภทนี้วางจำหน่ายหมดแล้ว โดยเฉพาะมาเลเซียมีรถยนต์โปรตอนซาการ์ที่มีลักษณะคล้ายกับรถยี่ห้อมิร่า

ทั้งหมดนี้นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงการคลัง จะต้องไปชี้แจงให้ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าโครงการนี้จะมีปัญหาอุปสรรคอย่างไรบ้าง

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ