หาลูกค้าแทบตายกว่าจะได้มาสักราย เริ่มติดต่อ ขอเข้าพบ ตกลง เจรจา เหลือขั้นตอนสุดท้ายจะเซ็นสัญญาอยู่แล้ว ลูกค้ากับหายไปยังไงไม่รู้ ใครเป็นคนผลักดันลูกค้า
หาลูกค้าแทบตายกว่าจะได้มาสักราย หลายคนคงเคยเป็นตั้งแต่เริ่มติดต่อ ขอเข้าพบ ตกลง เจรจา เหลือขั้นตอนสุดท้ายจะเซ็นสัญญาอยู่แล้ว ลูกค้ากับหายไปยังไงไม่รู้ ใครเป็นคนผลักดันลูกค้า หรือใครมาแย่งลูกค้าไป นั่ง ๆ ยืนคิดหลายตลบก็ไม่รู้ว่าทำไม ใครนะอยู่เบื้องหลังแย่งลูกค้าเรา |
. |
เพียงเสี้ยววินาทีที่เราสูญเสียลูกค้าอาจจะเป็นคนในองค์กรที่ไม่รู้ข้อมูลข่าวสาร คุณกระวนกระวายตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะรอโทรศัพท์จากลูกค้า แต่แล้วคุณก็พลาดเพราะน้ำมือของคนในองค์กร คุณนั่งรอจนคุณมีธุระส่วนตัวที่ต้องทำ เช่น เดินไปเข้าห้องน้ำ โดยที่คุณไม่บอกใครแล้วปรากฏว่าลูกค้าดันโทรมาหาคุณ และเพียงเสี้ยววินาทีนั้นลูกค้าคุณต้องการคำตอบบางอย่างที่ต้องนำเข้าในที่ประชุม ในนาทีต่อมาพนักงานที่ทำงานกับคุณไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยรับโทรศัพท์แทนคุณ และบอกว่าคุณไม่อยู่ไม่รู้ไปไหน แล้วก็จัดแจงวางหูโทรศัพท์ที่ไม่ถามอะไรเลยว่าใครโทรมาหรือโทรมาเรื่องอะไร แต่คุณก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์ต่อไปโดยที่คิดว่าลูกค้าคงไม่มีปัญหาอะไรในผลิตภัณฑ์ของคุณ และแล้วเมื่อถึงเวลาลูกค้าก็ซื้อผลิตภัณฑ์จากเจ้าอื่นโดยที่คุณคิดว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทสู้คนอื่นไม่ได้แล้วจะโทษใครดีล่ะ |
. |
พนักงานหลาย ๆ คนเวลารับโทรศัพท์แทนคนอื่นจะไม่ค่อยถามอะไรต่อ เพียงตอบแบบขอไปที เช่น ไม่อยู่ค่ะ แล้วก็วางสายนั่นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ แล้วก็โทษกันไปมาอีกฝ่ายก็บอกว่าธุระไม่ใช่ บ้างก็บอกว่าไปไหนทำไมไม่บอกละ เพราะฉะนั้นองค์กรที่ดีควรที่จะสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนเห็นความสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร โดยให้คนในองค์กรทุกคนคิดว่างานทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ขององค์กร และเมื่อทุกคนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรผลประโยชน์ก็เป็นของทุกคน และที่สำคัญไม่แพ้กันคือการแชร์ข้อมูลที่จำเป็นของทุกส่วนทุกฝ่ายให้พนักงานรับรู้ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจอย่าเก็บข้อมูลไว้กับตัวคนเดียวจะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ เพราะหมดยุคสมัยทุกอย่างเป็นความลับ |
. |
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่อยู่รอบตัวคุณเป็นคนขัดขวางความสำเร็จโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ถึงเวลาแล้วที่จะบริหารคนรอบข้าง และการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นให้ทุกคนรับทราบแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานที่มีประสิทธิผล |