บลจ.ไอเอ็นจีเสนอขาย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล วันเปิดเสนอขายครั้งแรก: 28 มีนาคม 5 เมษายน 2555
บลจ.ไอเอ็นจีเสนอขาย ‘กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล’ วันเปิดเสนอขายครั้งแรก: 28 มีนาคม – 5 เมษายน 2555
ชูจุดเด่นการปรับพอร์ตลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ เน้นขายทำกำไรจากส่วนหุ้น เพื่อสะสมผลตอบแทนในส่วนตราสารหนี้ จากการทำจำลองพอร์ตการลงทุน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าหากลงทุนระยะเวลาประมาณ 2 ปีผลตอบแทนเฉลี่ย 7.98% ต่อปี มั่นใจสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ
บลจ.ไอเอ็นจี เสนอขายกองทุนใหม่ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล” เผยนโยบายลงทุนผสมผสานระหว่างตราสารทุนในสัดส่วน 15% และตราสารหนี้ 85% ชี้จุดเด่นสำคัญอยู่ที่การปรับพอร์ตการลงทุน (Portfolio Balancing)
โดย บลจ.ไอเอ็นจี ได้ทำการจำลองวิเคราะห์ผลตอบแทนและความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนด้วยการทำ Back Test Model ย้อนหลัง 10 ปี (2001-2010) ภายใต้สมมติฐานที่กำหนด คือ กรอบการลงทุนในตราสารทุน (SET Index) สัดส่วน 15% และตราสารหนี้ (ThaiBMA Government Bond อายุ 3-7 ปี) ในสัดส่วน 85%
โดยกำหนดเงื่อนไขของผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้มากกว่า 5% ต่อปีขึ้นไป ภายใต้ความเชื่อมั่นทางค่าสถิติที่ระดับ 95% และผลตอบแทนที่ได้ปรับด้วยความเสี่ยง (Risk Adjusted Return) พบว่าตลอดช่วง 10 ปีนั้น ผลตอบแทนที่ได้อยู่ในช่วงระหว่าง 5.38% - 7.98% ต่อปี ในขณะที่ช่วงเวลาการลงทุนที่เหมาะสมคือ 2 ปี นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7.98% ต่อปี ทั้งนี้ หากรวมคำนวณการปรับพอร์ตการลงทุน (Portfolio Rebalancing) เข้าไปด้วยจะพบว่าในภาวะที่ตลาดหุ้นดีสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 15.28% ต่อปี
แต่ในทางตรงข้ามคือในภาวะที่ตลาดหุ้นเผชิญกับภาวะความผันผวนหรือขาดเสถียรภาพ แบบจำลองนี้ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ 0.69% ต่อปี ดังนั้น การลงทุนนี้จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่าเงินฝากธนาคาร และเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ทั้งสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้และหุ้นบางส่วนที่ไม่มาก ในสัดส่วนประมาณ 15% จึงนับว่าเป็นสูตรผสมการลงทุนที่ดี ภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่สูงนัก
เมื่อสัดส่วนลงทุนหุ้นปรับหุ้นเพิ่มขึ้นเกินกว่า 15% ผู้จัดการกองทุนจะขายทำกำไร ก่อนนำส่วนของกำไรกลับมาลงทุนในตราสารหนี้อีกครั้ง ระบุเป็นการสะสมผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมออย่างมีวินัย และสร้างโอกาสในการเติบโตของกองทุนอย่างมั่นคง มองตลาดหุ้นอาจเกิดความผันผวนจากการขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นจนยืนเหนือระดับ 1,200 จุด
มั่นใจตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการปรับลดความเสี่ยงในการลงทุน แต่ไม่เสียโอกาสจากการลงทุนในหุ้น ด้วยการบริหารจัดการแบบ Active Management รวมทั้งผลงานการบริหารกองทุนผสมอย่างกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ตลอดจนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขนาดใหญ่หลายแห่ง ที่มีนโยบายคล้ายกัน และประสบความสำเร็จมาแล้ว จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน เตรียมเปิดเสนอขายครั้งแรก 28 มีนาคมถึง 5 เมษายน 2555 นี้ จองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี จะเสนอขายกองทุนใหม่ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ได้แก่ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล (ING Thai Mixed 15/85 – Dividend Fund: MIX-D1585)” ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ/หรือเงินฝาก โดยการลงทุนในตราสารทุน จะมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 0-15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวอาจปรับเพิ่มได้อีก แต่จะเพิ่มไม่เกิน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดังนั้น การลงทุนของกองทุนในตราสารทุน โดยเฉลี่ยในรอบระยะเวลาบัญชี จะไม่เกิน 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล (MIX-D1585)” เป็นกองทุนที่มีการบริหารจัดการพอร์ตลงทุน โดยเน้นความมั่นคงและสะสมผลตอบแทน ซึ่งความสม่ำเสมอของผลตอบแทนจะมาจากดอกเบี้ยรับและโอกาสในการปรับเพิ่มขึ้นของราคาของตราสารหนี้ที่เข้าไปลงทุนในสัดส่วนประมาณ 85% ขณะที่โอกาสในการเติบโตของเงินลงทุน จะมาจากมูลค่าเพิ่มของหน่วยลงทุนซึ่งเกิดจากกำไร หรือเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้น ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่ไม่มากนัก
“กองทุนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในตราสารหนี้ในสัดส่วน 85% และแสวงหาโอกาสในการเติบโตจากการลงทุนในหุ้นในสัดส่วนประมาณ 15% ซึ่งจุดเด่นของกองทุนจะอยู่ที่การปรับพอร์ตการลงทุนหรือ Portfolio Rebalancing
โดยเมื่อตราสารทุนหรือหุ้นที่กองทุนเข้าไปลงทุนมีกำไรและสัดส่วนของหุ้นพิ่มขึ้นเกินกว่า 15% ผู้จัดการกองทุนก็จะขายทำกำไร แล้วนำส่วนของกำไรกลับไปลงทุนในตราสารหนี้เพื่อสะสมผลตอบแทน และเพื่อให้สัดส่วนการลงทุนของพอร์ตกลับมาสู่ระดับการลงทุนที่กำหนดไว้ที่ 15/85 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น และด้วยวิธีการนี้นอกจากจะทำให้กองทุนมีการสะสมผลตอบแทนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังจะสนับสนุนให้กองทุนมีการเติบโตอย่างมั่นคงอีกด้วย” นายจุมพลกล่าว
สำหรับการปรับพอร์ตลงทุน (Portfolio Rebalancing) มีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลกำไรและจำกัดผลขาดทุนด้วยการจัดสรรการลงทุนที่ดี ภายใต้พอร์ตการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นในการบริหารด้วยการลงทุนสไตล์ Active Management ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับทุกสภาวการณ์และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นอยู่ในภาวะการซื้อขายที่ผิดปกติหรือขาดเสถียรภาพ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น โดยการไม่ถือครองหุ้นในพอร์ตเลย และจะหันกลับมาถือครองเงินสดหรือตราสารหนี้แทน
“ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเด็นหลักมาจากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสูงขึ้นเหนือกว่าระดับ 1,200 จุด ก่อให้เกิดความกังวลว่า อาจจะมีการขายทำกำไร รวมถึงยังต้องจับตาทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติอย่างใกล้ชิดว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือไม่
ซึ่งประเด็นหลักยังอยู่ที่การแก้ไขปัญหาของเศรษฐกิจยุโรป และการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ดังนั้น ในช่วงที่สถานการณ์การลงทุนมีความผันผวนเช่นนี้ การลงทุนในกองทุนที่เป็นการผสมผสานระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ในระดับที่เหมาะสมอย่าง “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล (MIX-D1585)” นับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากนักลงทุนจะไม่เสียโอกาสในการรับผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่สูงเกินไป เพราะนโยบายการลงทุนของกองทุนถูกกำหนดอย่างชัดเจนว่าจะลงทุนในหุ้นประมาณ 15% เท่านั้นพร้อมกลไกในการขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องสะสมผลกำไรในส่วนตราสารหนี้ และกองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าว
บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด มีประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานมาจากการบริหารจัดการกองทุนไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นและน่าเชื่อถือในกลุ่มกองทุนผสมนับตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา และได้รับการจัดอันดับเครดิตระดับ 5 ดาวด้านผลตอบแทนรวมที่ดีในช่วง 3, 5 และ 10 ปีจากสถาบันจัดอันดับกองทุน (ที่มา; Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555) รวมถึงได้รับรางวัลกองทุนดีเด่นประเภทกองทุนรวมผสมจากลิปเปอร์อย่างต่อเนื่อง (ที่มา: http://www.lipperweb.com)
“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล (MIX-D1585)” จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 28 มีนาคมถึง 5 เมษายน 2555 นี้ โดยกำหนดวงเงินซื้อขั้นต่ำที่ 2,000 บาท สำหรับผู้สนใจลงทุนในกองทุนของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่โทร. 0-2688-7777 กด 2 ผ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน หรือ www.ingfunds.co.th หรือ ธนาคารทหารไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของบริษัท
* การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
* ผลการดำเนินงานในอดีต ของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต