เนื้อหาวันที่ : 2012-03-28 18:33:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 770 views

ซัมซุง เซาท์อีสเอเชีย ฟอรัม 2012

ซัมซุงทลายขีดจำกัดเทคโนโลยี จัดงาน ซัมซุง เซาท์อีสเอเชีย ฟอรัม 2012 ครั้งที่ 3 ขับเคลื่อนสุดยอดนวัตกรรมสู่ผู้บริโภคยุคใหม่

ซัมซุงทลายขีดจำกัดเทคโนโลยี จัดงาน “ซัมซุง เซาท์อีสเอเชีย ฟอรัม 2012” ครั้งที่ 3 ขับเคลื่อนสุดยอดนวัตกรรมสู่ผู้บริโภคยุคใหม่

ซัมซุง ผู้นำตลาดและผู้ปฏิวัตินวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ระดับโลกที่การันตีด้วยรางวัลระดับโลกหลากหลายรายการ ขนทัพสุดยอดผลิตภัณฑ์ใหม่โชว์ในงานประชุมใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไต้หวัน ปี 2555 (Samsung South East Asia, Oceania and Taiwan Forum 2012) หรือ “ซัมซุง เซาท์อีสเอเชีย ฟอรัม 2012” ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ด้วยการยึดมั่นพันธกิจในการนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมที่จะช่วยให้ก้าวผ่านขีดจำกัดด้านเทคโนโลยีที่เคยมี เพื่อมอบประสบการณ์แก่ผู้บริโภคสู่ความล้ำหน้าอีกระดับ พร้อมเผยกลยุทธ์การตลาดในการขยายธุรกิจของภูมิภาคเอเชีย

 ซัมซุงได้เปิดตัวไลน์อัพผลิตภัณฑ์ประจำปี 2555 รวมถึงแสดงวิสัยทัศน์ในการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ คอนเทนต์ และบริการหลากหลายรูปแบบระหว่างผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของซัมซุงเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่โทรทัศน์ไปยังโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค กล้องถ่ายรูป ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

 “ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อให้เกิดการพัฒนาไปอย่างกว้างไกล ผู้บริโภคล้วนมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัยและช่วยเอื้อประโยชน์ให้การดำเนินชีวิตของตัวเองมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความบันเทิง การใช้งานส่วนตัว หรือเพื่อการทำงาน และสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดโอกาสใหม่ๆ อันน่าตื่นเต้นในการขยายธุรกิจในตลาดใหม่ให้เติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในภูมิภาคเอเชีย”  มร.เกรกอรี่ ลี ประธานกรรมการและประธานบริหาร บริษัท ซัมซุงเอเชีย จำกัด กล่าว 
 
“สมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ แท็บเล็ต โทรทัศน์ กล้องดิจิตอล พรินเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านต่างๆ ในปัจจุบัน ช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีจากทั้งในบ้าน ที่ทำงาน ไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ของผู้บริโภคยุคใหม่ เราต้องการสร้างไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่มีความแตกต่างและดีเลิศให้กับผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าและคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดเอเชีย”

เมื่อปี 2554 ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ มียอดขายรวมทั้งสิ้นถึง 143 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์  และไต้หวัน ยอดขายมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 41% จากปีที่ผ่านมา โดยครองตำแหน่งอันดับหนึ่งทั้งในตลาดโทรทัศน์ จอมอนิเตอร์ และตู้เย็น อีกทั้งยังเป็นปีแรกที่ซัมซุงครองแชมป์ในตลาดโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนอีกด้วย 

นอกจากนี้ซัมซุงยังได้เปิดตัวกิจกรรมเพื่อสังคมที่จัดขึ้นทั่วโลกภายใต้ชื่อแคมเปญ โฮป ฟอร์ ยูธ (Hope for Youth) เพื่อสนับสนุนเยาวชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไต้หวัน โดยในไต้หวันนั้นซัมซุงได้สร้าง Hope Classroom ซึ่งเป็นโปรแกรมหลังเลิกเรียนที่จัดเตรียมห้องเรียนและอาสาสมัครไว้ให้บริการแก่เยาวชน รวมถึงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์รวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านชิ้น สำหรับสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้กับเยาวชนผู้ด้อยโอกาสด้วยโปรแกรมอี-เลิร์นนิ่ง (e-learning) ที่มุ่งเน้นการศึกษาแบบทางไกลและกิจกรรมด้านการศึกษาผ่านสื่อดิจิตอล

และเช่นเดียวกันในประเทศเวียดนาม ซัมซุงได้สร้างห้องสมุดอัจฉริยะ (Smart Libraries) ขึ้นในพื้นที่ชานเมืองต่างๆ และสนับสนุนคอมพิวเตอร์รวมถึงสมาร์ททีวีที่สามารถดาวน์โหลดคอนเทนต์ด้านการศึกษาเพื่อช่วยเหลือเยาวชน    ผู้ขาดแคลน ในประเทศอินโดนีเซียซัมซุงยังได้จับมือกับพันธมิตรซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร “Yayasan Cinta Anak Bangsa (YCAB)” เพื่อก่อตั้งสถาบันวิศวกรรมที่จะเป็นแหล่งให้ความรู้แก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสในด้านทักษะทางอุตสาหกรรมและจัดการฝึกอบรมเพื่อสร้างอาชีพในอนาคต

ซัมซุง สมาร์ท ทีวี (Samsung Smart TV): คุณภาพเหนือระดับพร้อมสุดยอดคอนเทนต์
ในปีนี้ซัมซุงได้นำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความบันเทิงภายในบ้านที่เหนือระดับขึ้นอีกขั้น เพื่อตอบรับความต้องการและความท้าทายต่างๆ จากผู้บริโภค โดยซัมซุงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้องค์ประกอบหลัก 3 ประการ คือ สมาร์ทอินเตอร์แอ็คชัน (Smart Interaction) สมาร์ทคอนเทนต์ (Smart Content) และสมาร์ทอิโวลูชัน (Smart Evolution) ซึ่งสมาร์ททีวีซีรีส์ใหม่จากซัมซุงได้นำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น    ด้วยอินเตอร์เฟซที่อัจริยะกว่าเดิม ควบคุมง่าย พร้อมคุณภาพอันเหนือชั้นของภาพที่คมชัดและดีไซน์ที่สวยงามน่าทึ่ง

ซัมซุง สมาร์ท ทีวี รุ่น ES8000 LED TV เป็นแอลอีดีทีวีจอแบนที่เปิดตัวออกสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นในปีนี้ด้วยขาตั้งแบบโค้งเข้ากับตัวเครื่อง พร้อมขนาดของจอที่ใหญ่ขึ้นไปถึงขนาด 75 นิ้ว นอกจากนี้ยังควบคุมระบบภายในด้วยดูอัล-คอร์ โปรเซสเซอร์ (Dual-Core Processor) ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้อนคำสั่งหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เช่น สามารถท่องอินเทอร์เน็ต พร้อมๆ กับดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน โดยสามารถดาวน์โหลดคอนเทนต์ต่างๆ ที่น่าสนใจได้จาก Samsung Apps ซึ่งเป็นแอพสโตร์สำหรับดาวน์โหลด  แอพของสมาร์ททีวีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

 ซัมซุง สมาร์ท ทีวีรุ่น ES8000 LED TV ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นโดยรวมเอาแนวคิดหลัก 3 ประการของซัมซุง มาผสมผสานไว้อย่างลงตัว ช่วยเปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีเพื่ออนาคตให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ประกอบด้วย:

• สมาร์ทอินเตอร์แอ็คชัน (Smart Interaction) ช่วยให้สามารถสั่งงานผ่านการควบคุมด้วยเสียง (Voice control) ควบคุมด้วยการเคลื่อนไหว (Motion control) และระบบการจดจำใบหน้า (Face recognition)   ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น  ผู้บริโภคสามารถใช้กล้องซัมซุง Skype HD และดูอัล-ไมโครโฟนในการสั่งงานทีวี โดยพูดว่า “Hi TV” เพื่อเปิดระบบการควบคุมด้วยเสียง จากนั้นพูดว่า “Web Browser” เพื่อเข้าสู่บริการอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็สามารถเข้าไปเลือกเมนูต่างๆ หรือปรับเสียงเพียงชี้นิ้วไปบนหน้าจอทีวี เป็นต้น

• สมาร์ทคอนเทนต์ (Smart Content) เป็นการขยายคอนเทนต์ให้มีความหลากหลาย และตอบสนอง       ความต้องการแบบเฉพาะบุคคลยิ่งขึ้นบนแอพของสมาร์ททีวี นอกจากนี้ยังมีฮับต่างๆ อาทิ ออลแชร์ (AllShare Play) ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าสู่คอนเทนต์ส่วนตัวบนหน้าจอของสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ได้ในทุกที่ ทุกเวลา และยังมีบริการเสริมต่างๆ อีกมากมาย เช่น Family Story, Fitness และ Kids เป็นต้น

• สมาร์ทอิโวลูชัน (Smart Evolution) ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกปีโดยใช้เทคโนโลยี System-on-chip เอกสิทธิ์เฉพาะของซัมซุง โดยสมาร์ททีวีซีรีส์ใหม่ทุกรุ่นในปี 2555 นี้ จะมีชุดคิทแบบสล็อต-อิน ต่อพ่วงอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง

ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 2 (Samsung Galaxy Tab 2) สมาร์ทแท็บเล็ตบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ TM 4.0
ซัมซุงได้เปิดตัวไลน์อัพสมาร์ทแท็บเล็ตในปีนี้เป็นครั้งแรกด้วยรุ่นใหม่ล่าสุด ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 2 ซีรีส์ เพื่อเป็นการสร้างตัวเลือกให้กับผู้บริโภคในตลาดที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน โดยผลิตภัณฑ์ในซีรีส์นี้คือ ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 7.0 และ ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 10.1 ซึ่งสามารถใช้งานผ่านระบบ 3จี และ WiFi ได้ พร้อมดีไซน์บาง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก โดยซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 7.0 เป็นรุ่นที่เล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานนอกสถานที่แบบไลฟ์สไตล์ On-the-Go และซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 10.1 เหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้านของคนในครอบครัว

ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 2 ซีรีส์ เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของซัมซุงที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ TM 4.0  เพิ่มฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า รวมถึงกูเกิล เพลย์ (Google Play™) แอพพลิเคชันฮับใหม่ที่รวบรวมแอพมากมายถึง 450,000 แอพไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ยังสามารถท่องเว็บได้เหนือกว่าด้วยการตอบสนองอันรวดเร็ว ระบบอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย พร้อมระบบสัมผัสแบบ swipe control ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านระบบ HSPA+ ที่ความเร็ว 21 เมกะบิตต่อวินาที หรือผ่าน WiFi ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และด้วยการพัฒนาไปอีกขั้นทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใช้งานมัลติมีเดียได้อย่างสะดวกสบายและสามารถแบ่งปันประสบการณ์ผ่านบริการต่างๆ จากซัมซุงฮับ (Samsung Hub) ได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมี Readers Hub   ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปอ่านอีบุ๊คได้มากกว่า 2.3 ล้านเล่ม นิตยสาร 2,300 ฉบับ และหนังสือพิมพ์ อีกมากกว่า 2,000 ฉบับใน 51 ภาษา รวมถึง Game Hub ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อและเล่นเกมส์ออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

นอกจากนี้ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 2 ซีรีส์ ยังช่วยให้การเชื่อมต่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เป็นไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่เคย พร้อมการโทรออกที่ควบคุมด้วยเสียง ผู้บริโภคยังสามารถใช้งานกาแล็คซี่แท็บ 2 ซีรีส์เป็นโทรศัพท์ และใช้งานวิดีโอคอลพร้อมกันหลายๆ สายได้ผ่าน กูเกิล พลัส แฮงเอาท์ (Google+ Hangouts) นอกจากนี้ยังช่วยเปิดประสบการณ์โซเชียลเน็ตเวิร์คให้ก้าวล้ำกว่าใครด้วยบริการด้านการสื่อสารแบบข้ามระบบปฏิบัติการของซัมซุงผ่าน แชทออน (ChatON) ที่ทำให้สามารถแชทได้กับโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นที่มีแอพนี้

ซัมซุงได้วางแผนเปิดตัว ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 2 ซีรีส์ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไต้หวัน ในช่วงเดือนมีนาคมนี้

กล้องดิจิตอลสุดสมาร์ท พร้อม WiFi เทคโนโลยีล้ำหน้าสู่อนาคต
ปฏิวัติวงการการถ่ายภาพจากระบบอะนาล็อกสู่การถ่ายภาพแบบดิจิตอลด้วยระบบประมวลผลรวดเร็วดั่งใจ ตั้งแต่การจับภาพ การอัพโหลด และการแชร์ภาพกับเพื่อนๆ และสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำกระบวนการนี้ไปสู่   การใช้งานจริงที่เข้าถึงง่าย สะดวก และรวดเร็ว ซัมซุงจึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลแบบสมาร์ทคาเมรา (Smart Camera) และสมาร์ทแคมคอร์เดอร์ (Smart Camcorder) เต็มไลน์อัพที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพ          จากเทคโนโลยีใหม่ Smart WiFi

ซัมซุงส่งผลิตภัณฑ์นำร่องของไลน์อัพกล้องสมาร์ทคาเมราที่สามารถใช้งาน WiFi ได้ คือ ซัมซุง WB850F กล้องเลนส์ซูมระบบออพติคัล 21 เท่า มาพร้อมดีไซน์สวยงามขนาดเล็กกะทัดรัด ให้อิสระแก่ผู้ใช้งานถ่ายภาพด้วยผลลัพธ์ที่คมชัดแม้ถ่ายในขณะเคลื่อนไหว พร้อมการเชื่อมต่อผ่าน WiFi ช่วยให้ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพสามารถเชื่อมต่อกล้องดิจิตอลนี้เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตเพื่อการแชร์ภาพใน  Facebook YouTube หรือ Picasa ได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถส่งภาพจากกล้องเพื่อการแชร์ในสังคมออนไลน์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย และฟังก์ชัน Auto Backup เพื่อโอนถ่ายรูปภาพไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีได้โดยไม่ต้องใช้สายเคเบิล     ในการเชื่อมต่อ

เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเจนเนอเรชันใหม่ ช่วยประหยัดพลังงานและจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว
สำหรับปี 2555 ซัมซุงมีแผนในการขยายการใช้ฟีเจอร์ที่มีความล้ำหน้าด้านนวัตกรรมเข้ากับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสำหรับตลาดเอเชีย โดยได้ลงทุนสำหรับการพัฒนาและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ        ที่จะช่วยก้าวผ่านข้อจำกัดต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผ่านแนวคิดหลัก 3 ประการ คือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco), ใช้พื้นที่อย่างลงตัว (Space) และสะท้อนอัจฉริยภาพแห่งอนาคต (Smart Future)

ซัมซุงมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือเทคโนโลยีอีโค บับเบิ้ล (EcoBubbleTM) ของซัมซุง ซึ่งช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานแบบเหนือชั้นด้วยการซักผ้าด้วยน้ำเย็นในถัง Super Eco Cycle ซึ่งให้ผลลัพธ์ในการซักแบบเดียวกับการซักผ้าฝ้ายในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส นอกจากนี้เครื่องปรับอากาศระบบ WiFi ใหม่ล่าสุดจากซัมซุง ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยใน       การประหยัดพลังงานด้วยฟีเจอร์ Double Saving Mode ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์อันล้ำหน้า รวมถึงระบบ Minimum Standby Power

ในปีนี้ยังเป็นการเน้นย้ำด้านการลงทุนของซัมซุงในด้านการพัฒนาส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการใช้มอเตอร์ระบบดิจิตอลอินเวอร์เตอร์สำหรับไลน์อัพเครื่องซักผ้ารุ่นอีโคบับเบิ้ล และส่วนธุรกิจคอมเพรสเซอร์ดิจิตอลอินเวอร์เตอร์สำหรับไลน์อัพตู้เย็น โดยมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ระบบดิจิตอลอินเวอร์เตอร์ที่ได้รับการพัฒนาล่าสุดมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องการประหยัดพลังงานและความทนทานซึ่งทางซัมซุงรับประกันชิ้นส่วนเหล่านี้ถึง 10 ปี 1

การคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคในเอเชียทำให้ซัมซุงสามารถคิดค้นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การจัดการพื้นที่เป็นไปได้อย่างลงตัวด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ด้วยตู้เย็นของซัมซุงทำให้ผู้บริโภคส่วนมากในเอเชียได้รับประสบการณ์ที่ก้าวข้ามกฎเกณฑ์และข้อจำกัดต่างๆ ไปอีกขั้นเมื่อมีการใช้งานช่องแช่แข็งในตู้เย็น เพื่อเป็นการช่วยลดข้อจำกัดด้านพื้นที่

ซัมซุงได้พัฒนาช่องแช่แข็งชั้นล่างแบบ Bottom-mount freezer ที่สร้างความลงตัวอย่างพอดี ไม่เพียงแต่เข้ากับการจัดการพื้นที่ภายในครัวเท่านั้น แต่ยังให้ความจุที่กว้างและได้มากถึง 430 ลิตร ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากเทคโนโลยี Space Max ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บด้านในจากการลดความหนาของผนังตู้เย็นโดยไม่กระทบต่อขนาดของตู้เย็นแต่อย่างใด

สำหรับการนำเสนอวิสัยทัศน์ด้านอนาคตสุดอัจฉริยะ ซัมซุงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมกับระบบควบคุมอัจฉริยะ (Smart Control System) ทำให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศผ่าน  การเชื่อมต่อ WiFi และแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในระยะควบคุมของรีโมทคอนโทรล

นอกจากนี้ซัมซุงยังได้แนะนำ ซัมซุง NaviBot™ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันใหม่ของหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างสวยงาม ได้รับการปรับปรุงให้มีฟังก์ชัน Auto Dust Emptying รวมถึงอัพเกรดระบบ Visionary Mapping™ Plus ที่ช่วยให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะนี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วแต่นุ่มนวลและไม่ส่งเสียงดังรบกวน และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการในการป้องกันเชื้อโรคที่มากับอากาศ

ซัมซุงได้พัฒนาระบบฟอกอากาศแบบ 3-in-1 มัลติฟังก์ชันที่สามารถดักจับทั้งเชื้อโรคและความชื้นในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเทคโนโลยีไวรัส ดอกเตอร์ (S-Plasma ion) เอกสิทธิ์เฉพาะของซัมซุงที่เป็นระบบดูแลคุณภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาดและสดชื่นยิ่งขึ้น

โน้ตบุ๊คที่บางที่สุดในโลก
ซัมซุง โชว์ ซัมซุง โน้ตบุ๊ค ซีรีส์ 9 เจนเนอเรชัน 2 ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการพัฒนาและออกแบบมาอย่างยาวนานกว่า 33,000 ชั่วโมง โดยโน้ตบุ๊คซีรีส์ 9 ใหม่ล่าสุดนี้มีขนาดบางลงถึง 21% และขนาดเล็กลงกว่าเจนเนอเรชันเดิม   ถึง 28% ซึ่งถือเป็นการสะท้อนความเป็นผู้นำของซัมซุงในด้านดีไซน์และนวัตกรรม

ซัมซุง โน้ตบุ๊ค ซีรีส์ 9 จึงเป็น      โน้ตบุ๊คระดับพรีเมียมที่บางที่สุดในโลกในปัจจุบัน มาพร้อมกับเทคโนโลยี Intel® Core™ i7 โปรเซสเซอร์ และ SSD จากซัมซุง ทำงานได้ภายใน 9.8 วินาทีหลังเปิดเครื่อง และ 1.4 วินาทีหลังจากการพักหน้าจอ ตัวเครื่องด้านนอก    ทำจากอลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว ให้ผิวสัมผัสแบบเนื้อทรายที่ทันสมัยและช่วยปกป้องตัวเครื่องจากลายนิ้วมือ นอกจากนี้ยังให้ภาพที่สดใส คมชัด ด้วยคุณภาพความคมชัดถึง 400 nit

เทคโนโลยีสำหรับสำนักงานที่ล้ำหน้ากว่าใคร
          นอกจากโน้ตบุ๊คแล้ว ซัมซุงยังเปิดตัวเลเซอร์พรินท์เตอร์มัลติฟังก์ชันขาว-ดำ รุ่น SCX-3405FW อีกด้วย โดยพรินท์เตอร์รุ่นนี้มีปุ่ม “ecobutton” ช่วยในการลดต้นทุนการพิมพ์โดยรวมได้มากกว่า 20 % นอกจากนี้ยังมี   แอพพลิเคชันสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์เพื่อพิมพ์เอกสารจากนอกสถานที่ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถพิมพ์งานและ สั่งการต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายผ่าน คอมพิวเตอร์พีซี โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต เลเซอร์พรินท์เตอร์             มัลติฟังก์ชัน SCX-3405FW นี้สามารถพิมพ์งานได้ถึง 20 หน้าต่อนาที และใช้ในการส่งแฟ็กซ์ สแกน ถ่ายเอกสารได้ภายในเครื่องเดียว

นอกจากนี้ซัมซุงยังได้เปิดตัวมอนิเตอร์ซีรีส์ 9 ขนาด 27 นิ้ว รุ่น S27B970 ที่มอบประสบการณ์การมองเห็น  ที่ดีที่สุดด้วยคุณภาพของภาพที่เสมือนจริง จอมอนิเตอร์รุ่น S27B970 ใช้เทคโนโลยีจอภาพ Plane Line Switching (PLS) ระดับมืออาชีพที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของซัมซุง ให้ภาพสวย คมชัด ในสีสันที่หลากหลายกว่าถึง 1 พันล้านสี สามารถปรับมุมมองการรับชมได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน และด้วยการคำนึงถึงความต้องการเฉพาะบุคคล จอมอนิเตอร์ซีรีส์ 9 จึงใช้เทคโนโลยี Natural Color Expert จากซัมซุงซึ่งให้จอภาพทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เกี่ยวกับ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
          บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด คือ ผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ โทรคมนาคม สื่อดิจิตอล และการควบรวมดิจิตอล ในปี พ.ศ. 2553 บริษัทฯ มียอดขายรวม 135,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีพนักงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 190,500 คน ประจำอยู่ในสำนักงานกว่า 206 แห่งใน 68 ประเทศ บริษัทฯแบ่งการปฏิบัติงานออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจเพื่อประสาน การดำเนินงานของหน่วยธุรกิจหลัก 9 หน่วยซึ่งทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน

กลุ่มที่หนึ่งคือกลุ่มธุรกิจสื่อดิจิตอลและการสื่อสาร ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจจอภาพ ธุรกิจอุปกรณ์สื่อสารแบบพกพา ธุรกิจระบบโทรคมนาคม ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าดิจิตอล ธุรกิจโซลูชันไอที และธุรกิจภาพดิจิตอล อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มธุรกิจโซลูชันอุปกรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจหน่วยความจำ ธุรกิจระบบแอลเอสไอและธุรกิจจอแอลซีดี

นอกจากนี้ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีบทบาทเป็นผู้นำอุตสาหกรรมทั้งในแง่มุมของเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคมแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลกตามดัชนีชีวัด       ความยั่งยืนโดยดาวโจนส์ประจำปี 2554 (2011 Dow Jones Sustainability Index) อีกด้วย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์http://www.samsung.com 

          มอเตอร์ระบบดิจิตอลอินเวิร์ทเตอร์ของซัมซุงรับประกัน 10 ปี เริ่มจากวันที่ซื้อผลิตภัณฑ์ โดยรับประกันด้านความเสื่อมของวัสดุและงานช่าง              การรับประกันนี้ใช้ได้กับส่วนประกอบที่เป็นมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์เท่านั้น การเคลมประกันจะต้องเป็นไปภายในเวลาที่กำหนดในเงื่อนไขประกัน     และไม่รวมถึงค่าแรงใดๆ ในการซ่อมแซม