เนื้อหาวันที่ : 2007-05-09 09:48:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1650 views

โรงงานเอทานอลปิดดิ้นหนีตาย สต็อกเต็มไม่มีตลาด หันส่งออก

ผู้ผลิตเอทานอลขอนแก่นและไทยง้วนปิดโรงงานหนี้ตาย ทนรับภาระล้นตลาดไม่ไหว ถังเก็บสต็อกเต็มไม่มีที่รองรับ ด้านขอนแก่นแก้ปัญหาต้องหันส่งออกไปฟิลิปปินส์ เกาหลีและจีนแทน ขณะที่ไทยแอลกอฮอล์ส่งออกไปญี่ปุ่น พร้อมทั้งต้องเกลี่ยยอดจำหน่ายให้สมาชิกในสมาคมฯ แทนการกินรวบ เพื่อการอยู่รอด

ผู้ผลิตเอทานอลขอนแก่นและไทยง้วนปิดโรงงานหนี้ตาย ทนรับภาระล้นตลาดไม่ไหว ถังเก็บสต็อกเต็มไม่มีที่รองรับ ด้านขอนแก่นแก้ปัญหาต้องหันส่งออกไปฟิลิปปินส์ เกาหลีและจีนแทน ขณะที่ไทยแอลกอฮอล์ส่งออกไปญี่ปุ่น พร้อมทั้งต้องเกลี่ยยอดจำหน่ายให้สมาชิกในสมาคมฯ แทนการกินรวบ เพื่อการอยู่รอด 

.

นายชมพล คันธวิวรณ์ ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจว่า จากที่ภาครัฐได้มีมาตรการรณรงค์ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ในเวลานี้ ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่งโดยอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านลิตรต่อวัน หรือใช้เอทานอลวันละ 4 แสนลิตรต่อวันเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถรองรับปริมาณเอทานอลที่ผลิตได้ทั้งหมดที่อยู่ประมาณ 4 แสนลิตรต่อวัน ทำให้มีเอทานอลเหลือจากความต้องการ 4 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ผลิตกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ เพราะไม่มีตลาดมารองรับ

.

จากสถานการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลให้ผู้บริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ บริษัท ไทยง้วน เอทานอล ต้องหยุดทำการผลิตแล้ว เนื่องจากไม่มีถังเพื่อเก็บสต็อกเอทานอล 99.5% ที่นำไปผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ และบริษัท น้ำตาลไทย เอทานอล ซึ่งเปิดดำเนินการได้ไม่กี่เดือนขณะนี้ถังเก็บเริ่มเต็มแล้วทำให้มีสต็อกอยู่ประมาณ 3 ล้านลิตร ขณะที่ขอนแก่นแอลกอฮอล์มีสต็อกอยู่เอทานอล 99.5 % อยู่ที่ ล้านลิตร และมีสต็อกเอทานอล 95 % ที่นำไปผลิตเป็นเอทานอล 99.5 % อยู่ที่ 8 ล้านลิตร ทำให้ไม่มีถังเก็บเอทานอลที่จะผลิตขึ้นมาได้อีก จึงจำเป็นต้องหยุดการผลิตลงชั่วคราวโดยไม่มีกำหนดเปิดทำการผลิตใหม่ ในขณะที่บริษัทน้ำมัน เช่น เชลล์ บางจาก เอสโซ่ เจ็ท และปิโตรนาส รับซื้อเอทานอลเพียงเดือนละ 1.2-1.3 ล้านลิตรต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่บริษัทมีกำลังการผลิต 1.5 แสนลิตรต่อวัน

.

สำหรับทางออกของบริษัทเวลานี้ เพื่อเป็นการดิ้นรนให้บริษัทอยู่รอดได้ จึงจำเป็นต้องนำเอทานอลส่งออกไปยังต่างประเทศแทน ซึ่งสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดการนำเข้าน้ำมัน และใช้พลังงานที่ผลิตได้ในประเทศเอง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งออกเอทานอล 99.5 % ไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ในปริมาณ 3.5 แสนลิตรแล้ว และกำลังอยู่การเจรจากับทางประเทศเกาหลีและจีน เพื่อจัดส่งในล็อดต่อๆไปอีก ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับในประเทศที่ขณะนี้เป็นสูตรราคาย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 18.62 บาทต่อลิตร โดยยังไม่รวมค่าขนส่ง

.

ส่วนจะกลับมาดำเนินการผลิตใหม่อีกครั้งนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถจัดส่งเอทานอลออกไปต่างประเทศได้มากน้อยเพียงใด และสามารถเจรจากับบริษัทน้ำมันรับซื้อเอทานอลเพิ่มได้ในปริมาณที่เท่าใดด้วย

.

นายชมพล กล่าวอีกว่า เวลานี้การแก้ปัญหาเอทานอลของรัฐบาล ทำได้เพียงการเร่งรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้แก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้นที่ตั้งเป้าไว้ว่าเมื่อถึงสิ้นปี จะมียอดการใช้อยู่ที่ 8 ล้านลิตรต่อวันหรือใช้เอทานอล 8 แสนลิตรต่อวันได้ เพราะในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะมีโรงงานผลิตเอทานอลเข้าระบบมาอีก 2-3 แห่ง ซึ่งจะทำให้เอทานอลยิ่งล้นตลาดเพิ่มมากขึ้นอีก ทางออกของรัฐบาลเวลานี้จึงต้องยกเลิกน้ำมันเบนซิน 95 โดยเร็ว เพื่อให้มีตลาดรองรับเอทานอลให้มากที่สุด

.

นายชาญวิทย์ ชนะจรัญวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยแอลกอฮอล์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งเอทานอล 95 % ไปต่างประเทศบ้างแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางญี่ปุ่นเพื่อจัดส่งเอทานอล 95 % ไปยังประเทศญี่ปุ่นอีกประมาณ 2 ล้านลิตร คาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการส่งเอทานอล 99.5 % นั้น ยังไม่มีการส่งออกแต่อย่างใด แต่อยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย

.

อย่างไรก็ตาม จากภาวะเอทานอลที่ล้นตลาดอยู่ในเวลานี้ ทำให้ทำให้ผู้ประกอบการผลิตเอทานอลหันมาช่วยเหลือกันเอง โดยได้ลดปริมาณการจำหน่ายเอทานอลของตนเอง เพื่อนำไปเกลี่ยให้กับสมาชิกของสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย เป็นการช่วยเหลือในกลุ่มผู้ประกอบการให้สามารถมียอดจำหน่ายและพออยู่รอดได้ในสถานการณ์เช่นนี้

.

นายววีระพล จิรปดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า สำหรับยอดการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในเดือนเมษายน ได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.5 % โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2550 อยู่ที่ 3.6 ล้านลิตรต่อวัน

.

ทั้งนี้ เนื่องจากราคาเอทานอลได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 18.62 บาทต่อลิตร จากเดือนก่อน 19.33 บาทต่อลิตร ซึ่งหากมีการปรับราคาน้ำมันในครั้งต่อไป ทางสนพ.จะให้ปรับขึ้นเฉพาะน้ำมันเบนซิน 40 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 95 มีราคาต่างกันที่ 2.90 บาทต่อลิตร และเบนซินออกเทน 91 กับแก๊สโซฮฮล์ 91 ต่างกัน 2.40 บาทต่อลิตร โดยจะคงราคาส่วนต่างนี้ไปเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นได้มาก

.

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ