ราคูเท็น คาดยอดขายออนไลน์เติบโต 9 เท่า จากการซื้อขายผ่านมือถือและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น
ราคูเท็น คาดยอดขายออนไลน์เติบโต 9 เท่า จากการซื้อขายผ่านมือถือและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น
ราคูเท็น ผู้ดำเนินเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่สามของโลกเทียบจากยอดขาย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างแพร่หลายจะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อย 9 เท่าในปีนี้ ขณะที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ อาทิ สมาร์ทโฟน กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่สร้างการเติบโตของยอดขายออนไลน์ในปัจจุบัน ราคูเท็นเชื่อว่าการใช้งานอุปกรณ์แท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ค้าออนไลน์อย่างมาก
กลุ่มบริษัท ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ ตลาดดอทคอม (Tarad.com) เว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ได้เห็นสัญญาณการเติบโตว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้ออุปกรณ์มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์พีซี “เราเห็นได้จากสถิติว่าเมื่อผู้ใช้พีซีเริ่มใช้สมาร์ทโฟนเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ ยอดการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า และเพิ่มขึ้นอีก 1.5 เท่าจากเดิมเมื่อเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนเพียงช่องทางเดียว
และตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1.5 เท่า เมื่อลูกค้าใช้แอพพลิเคชั่นของเรา” คุณเคนอิจิโร่ นะกะจิมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอุปกรณ์เคลื่อนที่ บริษัท ราคูเท็น กล่าว “ความสะดวกและประสบการณ์การท่องเว็บที่มีคุณภาพจากการใช้แท็บเลตนั้น ทำให้เราเชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายผ่านแท็บเลตในระดับใกล้เคียงกัน”
ABI Research (บริษัทวิจัยการตลาด เอบีไอ) เปิดเผยว่าภายในปี 2558 การช้อปปิ้งผ่านทางอุปกรณ์ไร้สาย จะสร้างรายได้รวมทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 163 พันเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 12 ของยอดรายได้จากการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ผลการวิจัยชิ้นนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ Forrester (บริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์) ที่ว่า m-commerce (การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางอุปกรณ์ไร้สาย) จะมีมูลค่าถึง 31 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2559
ปัจจุบันแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดย IMS Screen Digest (ไอเอ็มเอส สกรีน ไดเจสท์) คาดการณ์ว่าภายในปี 2557 จะมีการกระจายสินค้าแท็บเล็ตอีกกว่า 70 ล้านเครื่อง ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ประเมินมูลค่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในประเทศไทยราว 2 แสนล้านบาทในปี 2553 แต่กลับพบว่ามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ประกอบธุรกิจออนไลน์
ถึงแม้ว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญต่อการช้อปปิ้งตามหน้าร้าน ผู้ประกอบการควรพิจารณากลยุทธ์การใช้ช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงกับ โซเชียล มีเดีย ในเดือนกรกฎาคม 2554 Hitwise (ฮิตไวซ์) ได้ทำการสำรวจและพบว่า “fan” หนึ่งคนในเฟสบุ๊คช่วยเพิ่มการแวะชมเว็ปไซต์ร้านค้าได้ถึง 20 ครั้งในเวลา 1 ปี ผู้ประกอบการจึงควรวางแผนการใช้โซเชียล มีเดียประเภทต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงเฉพาะเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ แต่รวมถึงการพัฒนาสินค้าและการบริการอีกด้วย
“การขายสินค้าออนไลน์ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างช่องทางการขายให้แบรนด์ต่างๆสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนั้นการใช้ช่องทางในการขายที่หลากหลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก” นะกะจิมา กล่าว “M-commerce นับว่าเป็นช่องทางการขายที่น่าตื่นเต้นและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในการเลือกใช้ช่องทางดังกล่าวไม่ควรละเลยการบริการที่คำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเช่นเดียวกับการให้บริการในร้านค้าออฟไลน์ (ร้านที่มีหน้าร้านจริง) ดังนั้นผู้ประกอบการควรสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ของตนเองผ่านทุกช่องทางทั้ง ร้านค้าออฟไลน์ (ร้านที่มีหน้าร้านจริง) อุปกรณ์ไร้สาย และ โซเชียล มีเดีย เพื่อเสนอบริการให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางที่ต้องการ”
เกี่ยวกับบริษัทราคูเท็น
ราคูเท็น (แจสแด็ก: 4755) เป็นบริษัทชั้นนำระดับสากลที่เป็นผู้ให้บริการต่างๆเพื่อประโยชน์สำหรับผู้บริโภคและธุรกิจ บนระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีธุรกิจในเครือ ได้แก่ ธุรกิจร้านค้าออนไลน์หรืออีคอมเมอร์ซ (Rakuten Ichiba) ธุรกิจสำรองที่พัก (Rakuten Travel) ธุรกิจด้านการลงทุน (Rakuten Securities) ธุรกิจเกี่ยวกับบัตรเครดิต (Rakuten Card)ธุรกิจการบริการทางการเงิน (Rakuten Bank) ธุรกิจเกี่ยวกับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Edy) และธุรกิจเกี่ยวกับกีฬา (professional sport)
ราคูเท็นทำการขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันครอบคลุมประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย ยุโรปตะวันตกและอเมริกา ราคูเท็นถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2540 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีพนักงานกว่า 10,000 รายทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://global.rakuten.com/group