ปตท. รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ระบุราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกชนิด เบนซิน 95 เฉลี่ยอยู่ที่ 131.34 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 133.10 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ปตท. รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ระบุราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกชนิด เบนซิน 95 เฉลี่ยอยู่ที่ 131.34 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 133.10 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันสัปดาห์ที่ 13-17 ก.พ. 55 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกชนิด โดยน้ำมันดูไบ (Dubai) เฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 6.85 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล อยู่ที่ระดับ 116.26 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 6.79 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล อยู่ที่ 118.78 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล
น้ำมันดิบเวสเท็กซัส (WTI) เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.99 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรลอยู่ที่ 108.80 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล และราคาน้ำมันเบนซิน 95 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.52 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล อยู่ที่ 131.34 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.94 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล อยู่ที่ 133.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา ได้แก่
ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก 1) สำนักข่าวฟาร์ส (Fars News Agency) ของทางการอิหร่านรายงานว่าอิหร่านระงับการส่งออกน้ำมันไปยัง 6 ประเทศ ในสหภาพยุโรป ได้แก่ อิตาลี, สเปน, ฝรั่งเศส, กรีซ, โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป 2) ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขานิวยอร์ครายงาน Empire State Manufacturing Index ในเดือน ก.พ. 55 เพิ่มขึ้น 6 จุด (M-O-M) มาอยู่ที่ 19.53 จุด สูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53
3) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือน ม.ค. 55 เพิ่มขึ้น 0.4% โดยยอดจำหน่ายยานยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง 4) โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากการประมูลขายตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills) อายุ 3-12 เดือน วงเงิน 3 พันล้านยูโร โดยนักลงทุนแสดงความสนใจซื้อมากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ถึงแม้ว่าโปรตุเกสจะเพิ่งถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Moody's เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
5) บริษัทเอกชนของจีนให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในสหภาพยุโรปในปี 2554 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อยู่ที่ 10,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นอัตราส่วน 34% ของการลงทุนภายนอกประเทศของจีน 6)สหภาพแรงงาน PetroMasila ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเยเมนหยุดงานประท้วงเพื่อเรียกร้องค่าจ้างแรงงาน ส่งผลให้การผลิต และส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่ง Masila ปริมาณ 260 KBD หยุดดำเนินการชั่วคราว
ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ 1) ญี่ปุ่นรายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 4/2554 อยู่ที่ระดับ -0.6% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์อยู่ที่ -0.3% 2) สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) รายงาน (GDP) ของกลุ่มยูโรโซน ในไตรมาสที่ 4/54 อยู่ที่ -0.3% ลดลงจากไตรมาสก่อน 0.5% และรายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค. 54 ลดลง 1.1% จากเดือนก่อน และลดลง 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน
3) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody's ออกมาเตือนว่าอยู่ระหว่างดำเนินการเฝ้าระวัง และอาจปรับลดระดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของธนาคาร 17 แห่ง และวาณิชธนกิจอีก 114 แห่งทั่วโลก 4) นายกรัฐมนตรีอิรัก Nouri al-Maliki เปิดท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบใหม่เพิ่มความสามารถในการส่งของออกประเทศได้ 900,000 บารเรล์ต่อวัน โดยในปี 2554 อิรักผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 2.9 ล้านบารเรล์ต่อวัน และส่งออก 2.2 ล้านบารเรล์ต่อวัน
5) Sinopec และ Petrochina ของจีนมีแผนกลั่นน้ำมันดิบในเดือน ก.พ. 55 อยู่ที่ระดับ 7.4 ล้านบารเรล์ต่อวัน ลดลงจากเดือนก่อน 1.5%
แนวโน้ม ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้ามีความผันผวน โดยตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนภายหลังจากที่อิหร่านระงับการส่งออกน้ำมันไปยังสหภาพยุโรป เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรการ นอกจากนี้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง อาทิ ยอดก่อสร้างบ้านและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจใน เดือน ม.ค 55 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี
นอกจากนั้นการแก้ไขวิกฤตหนิ้สินของกรีซมีทิศทางชัดเจนขึ้น หลังคณะรัฐมนตรีกรีซมีมติผ่านมาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมอีก 325 ล้านยูโร (ประมาณ 427 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งธนาคารกลางของจีนประกาศลดสัดส่วนของเงินสำรอง (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 55 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ ภายหลังยอดส่งออกในเดือน ม.ค. 55 ถดถอย
อย่างไรก็ตามสภาวะเศรษฐกิจของสมาชิกเครือสหภาพยุโรป รวมทั้งญี่ปุ่นยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ในระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 98 - 106 USD/BBL และ 114 - 124 USD/BBL ตามลำดับ