เนื้อหาวันที่ : 2007-05-04 13:52:05 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1087 views

เลื่อนยาวโรงถลุงเหล็ก "สหวิริยา" ส่งซิกรอรัฐบาลหน้าขอปรับแผน

สหวิริยา เผยความคืบหน้าของโครงการถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำรายเอียดการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน และเลื่อนเวลาการผลิตจากเดิมให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพิจารณาอนุมัติ

นายอนุวัติ ชัยกิตติวนิช ผู้อำนวยฝ่ายวางแผนวิสาหกิจ เครือสหวิริยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำรายเอียดการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน และเลื่อนเวลาการผลิตจากเดิมให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพิจารณาอนุมัติ

.

โดยเบื้องต้นของการแผนการลงทุนที่จะมีการปรับเปลี่ยน จากเดิมที่จะต้องลงทุน 90,200 ล้านบาท เริ่มการผลิตเหล็กจำนวน 5 ล้านตันภายในปี 2551 ได้ปรับมาเป็นระยะการผลิตในเฟสแรก จะแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ปี

.

โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2552-2554 ซึ่งปีแรกจะเริ่มลงทุน 36,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 1.5 ล้านตัน เงินลงทุน 36,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 12,000 ล้านบาท ปี 2553 ลงทุน 20,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 1.5 ล้านตัน ทุนจดทะเบียน 6,700 ล้านบาท และ ปี 2554 ลงทุน 34,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 2 ล้านตัน ทุนจดทะเบียน 11,350 ล้านบาท

.

สำหรับเฟสที่ 2- 5 จะเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงคือ เฟส 2 ลงทุน 131,000 ล้านบาท เริ่มผลิตในปี 2557 ด้วยกำลังการผลิต 7.5 ล้านตัน, เฟส 3 ลงทุน 79,800 ล้านบาท เริ่มผลิตใน ปี 2560 ด้วยกำลังการผลิต 5 ล้านตัน, เฟส 4 ลงทุน 79,800 ล้านบาท เริ่มผลิตในปี 2563 ด้วยกำลังการผลิต 5 ล้านตัน และเฟส 5 ลงทุน 117,200 ล้านบาท ด้วยกำลังการผลิต 7.5 ล้านตัน

.

นอกจากนั้น จะขอให้ BOI พิจารณาผ่อนปรนให้เครือสหวิริยา จากเดิมที่จะต้องเริ่มทุนจดทะเบียน 31,000 ล้านบาท มาเป็นเริ่มต้นทุนจดทะเบียนจำนวน 2,000 ล้านบาท สำหรับทำโครงการเพื่อขอออกบัตรส่งเสริมตามกำหนดเวลาของ BOI และจะทยอยเพิ่มทุนจนครบ 31,000 ล้านบาทก่อนเปิดดำเนินงานในแต่ละระยะ

.
เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ไม่ต้องใช้เงินก้อนถึง 31,000 ล้านบาทมาเป็นทุนจดทะเบียนตั้งแต่แรก ซึ่งการทยอยใส่เงินสหวิริยาขอยืนยันว่า จะให้จนครบจำนวน 31,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไขของ BOI ภายหลังจากจบโครงการในเฟสแรกแน่นอน
.

"สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงนี้ ทุกคนรู้ๆ กันอยู่ว่า ค่อนข้างจะชะลอตัวลง การที่เราจะทำโครงการถลุงเหล็กและจะต้องเอาเงินก้อน 31,000 ล้านบาท มาเป็นทุนจดทะเบียนเริ่มแรก อาจจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเราพร้อมยืนยันว่า สถานะทางการเงินของเราไม่มีปัญหาเพราะเงินของเราที่จมอยู่ขณะนี้จะไปอยู่ที่วัตถุดิบที่จะต้องสั่งนำเข้ามาสต๊อกไว้ ซึ่งก็มูลค่าใกล้เคียงกับเงินที่จะเอามาลงทุนในโครงการถลุงเหล็กอยู่แล้ว" นายอนุวัติกล่าว

.

นายอนุวัติได้กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากประเด็นข้างต้นแล้ว ทางเครือสหวิริยาอาจจะขอให้ BOI ได้พิจารณาในเรื่องเรื่องกิจการขนส่งทางทะเล, การทำระบบน้ำ/ไฟฟ้า ที่ทางเครือสหวิริยาจะต้องลงทุนเพื่อรองรับโรงถลุงเหล็กให้ได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกันโครงการถลุงเหล็กทุกประการด้วย คือ ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้, ภาษีนำเข้าเครื่องจักร, ภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เป็นระยะเวลา 8 ปี และยกเว้นภาษี 50% ไปอีก 5 ปี โดยไม่จำกัดวงเงินลงทุน ซึ่งหาก BOI อนุมัติในประเด็นนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนที่มีความสนใจจะมาร่วมลงทุนกับเครือสหวิริยามากขึ้น

.

"การปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน ตอนนี้กำลังทำรายละเอียดที่ชัดเจนอยู่ ต้องทำอย่างรอบคอบ การเสนอแผนอาจจะไม่จำเป็นต้องอยู่ในช่วงรัฐบาล อาจจะรอให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนกว่านี้ก่อนถึงจะยื่นเสนอเรื่องไปก็ได้" นายอนุวัติกล่าว

.

ส่วนกรณีที่พื้นที่ที่โรงถลุงเหล็กของเครือ สหวิริยาที่ถูก กลุ่ม NGO กล่าวหาว่า เป็นพื้นที่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองแม่รำพึงนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเครือ สหวิริยาได้มีการซื้อและได้เอกสารสิทธิมาอย่างถูกต้อง และทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พร้อมกับทำหนังสือยันยันไปยังอธิบดีกรมที่ดินแล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขต ป่าสงวนแห่งชาติฯ

.

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ