เนื้อหาวันที่ : 2012-01-30 16:57:23 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2004 views

ปอร์เช่ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ยอดขายพุ่งเฉียด 4 พันคัน

ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิค ประกาศความสำเร็จปี 54 ยอดขายถล่มทลายกว่า 3,930 คัน

          ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิค ประกาศความสำเร็จปี 54 ยอดขายถล่มทลายกว่า 3,930 คัน

          ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิค เฉลิมฉลองความสำเร็จด้วยยอดขายที่ถล่มทะลายในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคปีที่ผ่านมา ยอดขายรถปอร์เช่รวมทั้งปี 2011 นั้นสูงถึง 3,930 คัน (จากวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2011) หากเทียบกับปี 2010 นั้นจะพบว่ายอดขายนี้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 74% เลยทีเดียว ความสำเร็จที่ได้มานี้หลักๆ แล้วได้มาจากรถสปอร์ตสายพันธุ์ออฟโร้ดอย่างปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) และสปอร์ตซาลูน 4 ประตูอย่างพานาเมร่า (Panamera) นั่นเอง

          Christer Ekberg กรรมการผู้จัดการ ของปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิค เผยว่าความสำเร็จที่ได้มาในปีนี้นั้น ได้มาจากรถ ปอร์เช่รุ่นใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหลและเป็นที่น่าครอบครอง ซึ่งทำให้ยอดขายของปอร์เช่ในภูมิภาคนี้ทะลุเป้าเลยทีเดียว อีกทั้งยังมั่นใจด้วยว่าไม่เพียงแค่รุ่นคาเยนน์ (Cayenne)

และรุ่นพานาเมร่า (Panamera) เพียงเท่านั้นที่จะออกมาผลักดันยอดขาย หากแต่ยังมีรุ่นที่เป็นอมตะและเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ตลอดกาลอย่างปอร์เช่ 911 และบ็อกซเตอร์ (Boxster) ใหม่ที่เพิ่งเผยโฉมออกมาให้เชยชมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและกลายมาเป็นรุ่นที่ผลักดันให้ปอร์เช่ขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดรถสปอร์ตของภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว

          ยอดขายที่ทะลุเป้าในปี 2011 นี้หลักๆ แล้วได้มาจากประเทศเกาหลีใต้ที่มียอดขายสูงถึง 1,301 คัน (+86%) ตามมาด้วยประเทศไต้หวันที่มียอดขายสูงถึง 1,213 คัน (ถือได้ว่ามากกว่าปี 2010 ถึง +123%) ตามมาด้วยประเทศสิงคโปร์ที่สร้างยอดขายได้สูงอย่างต่อเนื่องและในปีนี้ยังคงมียอดขายสูงถึง 472 คัน ถัดมาคือประเทศมาเลเซียที่สูงขึ้นกว่าเดิม 3 เท่าตัวจากปี 2010 ด้วยยอดขายถึง 420 คัน

สำหรับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนั้นก็มียอดขายที่เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน นั่นคือประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามที่มียอดขายสูงถึง 116 คัน 108 คัน และ 88 คันตามลำดับ ส่วนประเทศบรูไน เฟรนซ์โพลีนีเซีย อินโดนีเซีย นิวแคลิโดเนีย และศรีลังกามียอดขายรวมกันคิดเป็น 18% ของยอดขายทั่วภูมิภาค และเป็นที่แน่นอนว่าประเทศเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วงสร้างความเติบโตและพร้อมที่จะกลายมาเป็นตลาดที่สำคัญของภูมิภาคต่อไปอีกด้วย

          ในมุมของยอดขายแต่ละรุ่นนั้น จะพบว่ารุ่นคาเยนน์ (Cayenne) รถสปอร์ตอเนกประสงค์สายพันธุ์ออฟโร้ดคือรถที่สร้างยอดขายมากที่สุดด้วยยอดขายที่สูงถึง 2,300 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 215% จากปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยรุ่นปอร์เช่ 4 ประตูแกรนทัวริสโม่อย่างพานาเมร่า (Panamera) ที่สร้างยอดขายถึง 990 คันและมากกว่าเดิมถึง 43% สำหรับรถสปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่อย่าง 911 และบ็อกซเตอร์ (Boxster) ที่เพิ่งหยุดการขายเพื่อเข้าสู่รุ่นใหม่นั้นยังสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 337 คันและ 303 คันตามลำดับเลยทีเดียว

          คุณวินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด กล่าว: “ยอดขายรถยนต์ปอร์เช่ในปีนี้ หลักๆ แล้วมาจากรุ่นที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกที่ผ่านมา นั่นคือ รุ่นคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) และ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ทั้งสองรุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการผลิตรถสปอร์ตตามแนวคิดและหลักปรัชญาของปอร์เช่ที่ว่า "ประสิทธิภาพการทำงานอย่างอัจฉริยะของปอร์เช่ หรือ Porsche Intelligence Performance”

          และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ลูกค้าของเราต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยีชั้นนำและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่ประหยัดที่สุดสำหรับ แบรนด์ปอร์เช่ตั้งแต่เคยมีมาและถือได้ว่าโดดเด่นทิ้งรถรุ่นอื่นๆ ที่มีเครื่องยนต์ไฮบริดในคลาสเดียวกันไปได้อย่าง สง่างาม ทั้งในเรื่องของความประหยัดและอัตราการปล่อยมลพิษที่ดีเลิศ จึงทำให้รถปอร์เช่ทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับการตอบรับจากตลาดรถหรูของไทยเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มได้อีกอย่างต่อเนื่อง”