เนื้อหาวันที่ : 2012-01-16 10:28:21 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3041 views

TTCL จับมือ โคมิโป เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

TTCL ผนึกพันธมิตรเกาหลีใต้ โคมิโป ลงทุนร่วมโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และโครงการสาธารณูปโภค พร้อมรุกขยายงานต่างประเทศ ดันรายไดโต 40%

TTCL ผนึกพันธมิตรเกาหลีใต้ โคมิโป ลงทุนร่วมโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และโครงการสาธารณูปโภค พร้อมรุกขยายงานต่างประเทศ ดันรายไดโต 40%

เน้นลงทุนร่วมโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และโครงการสาธารณูปโภคเพื่อรายได้ที่มั่นคง มุ่งรับงานก่อสร้าง EPC และร่วมลงทุนในเอเชีย, ตะวันออกกลางและอเมริกา

บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ‘สยาม โซลา พาวเวอร์’ ร่วมกับบริษัท โคมิโป พันธมิตรใหม่จากประเทศเกาหลีใต้ ในประเทศไทย พร้อมทั้งประกาศทิศทางธุรกิจที่มุ่งเติบโตในต่างประเทศและในประเทศ โดยผ่านการร่วมลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ

นายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้  TTCL ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทโคมิโป (Korea Midland Power Co., Ltd.) ผู้นำของโลกในการรับเหมาก่อสร้างและบริหารโรงไฟฟ้าจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อร่วมลงทุนและทำงานร่วมกันในโครงการโรงไฟฟ้านวนคร ที่จังหวัดปทุมธานี

และในวันนี้ TTCL และโคมิโปได้เซ็นสัญญาร่วมลงทุนในโครงการสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 8 เมกกะวัตต์ที่จังหวัดอ่างทอง มูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท ดำเนินการโดยบริษัทสยาม  โซล่าร์  พาวเวอร์ (SSP) โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นจะเป็น กลุ่มบริษัท สยามสตีล เกรตติ้ง (SSG) ประมาณ 55%  TTCL ถือหุ้น 35% และโคมิโปถือหุ้น 10% โดยได้มีการเซ็นสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัทฯที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555

“โครงการ SSP ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นเวลานาน 10 ปี โดยได้รับเพิ่มค่าแอดเดอร์ที่อัตรา 8 บาท โดยจะใช้วงเงินจากธนาคารพานิชย์ ในวงเงินประมาณ 600-700 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการ SSP จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 100-150 ล้านบาทต่อปี ทำให้มีระยะเวลาคืนทุนเพียง 6-7 ปีเท่านั้น

โดยมี TTCL และบริษัท PWH (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทในเครือ SSG) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และจะเริ่มดำเนินงานภายในไตรมาสแรกปีนี้ โดยจะใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์แบบโฟโตโวลเทอิค (Photovoltaic) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และโตโย-ไทย ประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีนี้สร้างโรงงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศไทยมาแล้ว 2 แห่งในปีที่แล้ว

และเราคาดหมายว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SSP นี้จะเป็นโครงการโซล่าร์ฟาร์มต้นแบบในประเทศไทย ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง แตกต่างจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วไป” นายอิริยากล่าวเสริม 

การก่อสร้างโรงงานจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ในช่วงปลายไตรมาสเดียวกัน ความสำเร็จของโครงการส่วนหนึ่งเนื่องมาจาก โคมีโป ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ บริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงทิตย์อยู่หลายโครงการและยังสามารถใช้ความรู้ความชำนาญที่มีอยู่กับโครงการนี้ด้วย

นอกเหนือจาก นี้แล้ว โตโย-ไทย และโคมิโป จะร่วมกันพิจารณาโครงการอื่นๆที่จะลงทุน และ ร่วมงานด้านการรับเหมาก่อสร้าง EPC แบบครบวงจร ทั้งในประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ 

นายอิริยา กล่าวเสริมว่า โตโย-ไทย มีความยินดีกับความสำเร็จของบริษัทในปี 2554 ซึ่งบริษัทมีรายได้เติบโตกว่า 30-40% และมีปริมาณงานในมือ (แบ็คล็อก) สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 2 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าในปี 2555 รายได้ของบริษัทจะเติบโตกว่า 30-40% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยที่ทิศทางธุรกิจของบริษัทคือการเติบโตทั้งในประเทศและนอกประเทศ จากธุรกิจรับเหมาแบบครบวงจร EPC และการร่วมลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ 

“กลยุทธ์ทางธุรกิจหลักของโตโย-ไทย คือการลงทุนร่วมกันในโครงการสาธารณูปโภคทั้งในและต่างประเทศ เพื่อการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว และเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารเงินสดในมือให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยมีโครงการโรงไฟฟ้านวนคร ขนาด 110 เมกกะวัตต์ เป็นโครงการแรก ที่บริษัทไม่เพียงแต่รับผิดชอบงานรับเหมา EPC ทั้งโครงการ แต่เรายังร่วมลงทุนในโครงการนี้โดยเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 70.95% 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินการขยาย บริการการก่อสร้าง EPC ในตลาดเป้าหมายต่างๆ เช่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา โดยนอกจากโตโย-เวียดนาม ซึ่งได้ก่อตั้งมากว่า 14 ปี บริษัทยังได้ก่อตั้งบริษัทย่อย ในประเทศมาเลเซีย เมียนมาร์ และล่าสุดคือในสหรัฐอเมริกา ธุรกิจในต่างประเทศของเราได้เติบโตอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันมีรายมากกว่า 50%ของรายได้รวมทั้งหมด และมี แนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเพราะบริษัทได้เข้าประมูลในโครงการใหญ่ๆอีกหลายโครงการ มูลค่ารวมกันมากกว่า 50,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ทั่วโลก

สำหรับช่วงเวลา 9 เดือนแรกใน 30 กันยายน 2011 บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น (TTCL) มีรายได้เติบโต 30% หรือเท่ากับ 5,249 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18% หรือเท่ากับ 266 ล้านบาท บริษัทมีกำไรต่อหุ้น (Earnings per Share) เพิ่มขึ้นเป็น 0.72 บาทต่อหุ้น ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (Net Margin) สูงถึง 5.06% มีอัตรา ROE ที่มีความมั่นคงสูงที่ 23.24%, บริษัทมีสภาวะการเงินที่มั่นคง และมีเงินสดในมือ 1,832 ล้านบาท 

บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วรวม 480 ล้านบาทก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และในปัจจุบัน บริษัท ชิโยดะคอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 7% เช่นกัน 

TTCL เป็น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งเดียว ที่มีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมาตลอดกว่า 26 ปี ปัจจุบัน TTCL มีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ  850 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,600 คน บริษัทฯมีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 190 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCG หรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน เป็นต้น โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่ มาเลเซีย จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มอาฟริกา และสหรัฐอเมริกา”