เมอร์เซเดส-เบนซ์ปลื้มสร้างสถิติยอดขายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 764 คันในเดือนธ.ค.54 แม้เจอปัญหาน้ำท่วมหนัก
เมอร์เซเดส-เบนซ์ปลื้มสร้างสถิติยอดขายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 764 คันในเดือนธ.ค.54 แม้เจอปัญหาน้ำท่วมหนัก
ยอดขายโดยรวมในประเทศไทยยังเติบโตเป็นที่น่าพอใจที่ 4,684 คัน โดยเฉพาะเดือนธันวาคม 2554 ยอดพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทที่ 764 คัน
ยอดขายโดยรวมทั่วโลกตลอดปี 2554 เติบโตสูงขึ้นด้วยยอดขายจำนวน 1,362,908 คัน โดยมีสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศ BRIC เป็นตลาดหลักสำคัญ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) สร้างสถิติยอดจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เดือนธันวาคม 2554 พุ่งสูงถึง 764 คัน สูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท ส่วนยอดขายรวมตลอดปี 2554 ยังเป็นที่น่าพอใจ ด้วยความไว้วางใจของลูกค้าที่เห็นถึงข้อได้เปรียบจากการซื้อรถยนต์จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทำให้มียอดสูงถึง 4,684 คัน แม้เจอปัญหาภาวะน้ำท่วม
ในขณะที่ยอดขายรวมเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลกตลอดปี 2554 พุ่งสูงถึง 1,362,908 คัน สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจำหน่ายในโลก เตรียมพร้อมประเดิมตลาดรถหรูในไทยไตรมาสแรกเพิ่มฟังก์ชั่นระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ในรุ่น C-Class และ E-Class
ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2554 ที่ผ่านมา ยอดขายโดยรวมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ตลอดทั้งปียังอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมียอดขายอยู่ที่ 4,684 คัน แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในขณะที่เดือนธันวาคม 2554 เป็นเดือนที่มียอดขายเติบโตสูงสุดในรอบปีและเป็นประวัติการณ์ โดยมีจำนวนสูงถึง 764 คัน ซึ่งนับเป็นยอดขายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทในประเทศไทย”
ดร. เพาเฟเลอร์ กล่าวต่อว่า “ปัจจัยความสำเร็จของยอดขายในปี 2554 เป็นผลมาจากการนำเสนอยนตรกรรมที่เหมาะสมต่อความต้องการของตลาด ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็น The new generation C-Class, The new C-Class Coupe, The new E 200 NGT และThe new SLK เป็นต้น รวมถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ที่มาจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากลูกค้าให้ความไว้วางใจในการบริการหลังการขาย อาทิ การรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทางและสิทธิพิเศษ Star Assist โปรแกรมพิเศษที่พร้อมให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง บริการเปลี่ยนอะไหล่ ซึ่งเป็นอะไหล่แท้ที่มีคุณภาพสูงส่งตรงมาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศเยอรมนีโดยลูกค้าจะได้รับประสบการณ์เหล่านี้โดยตรงจากโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ 30 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ลูกค้ายังเล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องข้อได้เปรียบสำคัญที่จะได้รับจากการซื้อจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยตรง คือ “ความคุ้มค่า” ตลอดอายุการใช้งานในระยะยาว รวมถึงความได้เปรียบในเรื่องราคาขายต่อเมื่อเทียบกับคู่แข่งอีกด้วย”
นอกจากนี้ในปี 2554 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมียอดขายรวมทั่วโลกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการจำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมียอดรวมสูงถึง 1,362,908 คัน ซึ่งยอดขายมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โดยประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศ BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) นับเป็นตลาดหลักสำคัญที่ทำให้ยอดขายทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้นรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น The new generation C-Class, The new C-Class Coupe และ The new SLK ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ยอดขาย ทั่วโลกตลอดทั้งปี 2554 เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“เรายังคงเดินหน้ารุกตลาดรถหรูไตรมาสแรกในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ในเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น C-Class และ E-Class ซึ่งควบคุมการทำงานของอุปกรณ์และระบบความบันเทิงต่างๆ รวมทั้งสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวก
โดยตลอดทั้งปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C-Class, E-Class และ S-Class ยังคงเป็นกำลังสำคัญ ซึ่งเราขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่เพียงด้วยศรัทธาในความเป็นเลิศในคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่า แต่ด้วยความมั่นใจในการเลือกซื้อจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของเมอร์เซเดส-เบนซ์” ดร.เพาฟเลอร์ กล่าวสรุป