เนื้อหาวันที่ : 2011-12-22 17:46:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 687 views

IFEC ขายหุ้น ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส มูลค่า 230 ล้านบาท

IFEC ขายหุ้น ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส มูลค่า 230 ล้านบาท เผยผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุน ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์สูงสุด

IFEC ขายหุ้น ‘ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส’ มูลค่า 230 ล้านบาท เผยผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุน ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์สูงสุด

บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ หรือ IFEC ขายหุ้นสามัญและภาระผูกพันทั้งหมดในบริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด ให้กับ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) มูลค่ารวม 230 ล้านบาท  เผยลงทุน 1 ปี ได้รับผลตอบแทนเกือบเท่าตัว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ยืนยันรุกธุรกิจหลักเต็มสูบ ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูง

วันนี้ (20 ธันวาคม 2554) ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญและภาระผูกพันที่บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC มีต่อบริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด (IFECG) ในสัดส่วน 99.99% ให้กับบริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 230 ล้านบาท

นายณรงค์ เตชะไชยวงศ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ประชุมและมีมติอนุมัติให้ทำรายการดังกล่าวในวันที่ 20 ธันวาคม 2554 โดย บริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด นี้เป็นบริษัทที่ถือหุ้น 98.80% ในบริษัท เจเคอาร์ พลังงาน จำกัด (JKR) และถือหุ้น 98.96% ในบริษัท อาร์พีวี พลังงาน จำกัด (RPV) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ได้ดำเนินโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 10 เมกกะวัตต์ ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี

“การลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์ขนาด 10 เมกกะวัตต์นี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อที่ดินและสิทธิในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาสิทธิในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว ประมาณ 115 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกเล็กน้อย

เมื่อคิดผลตอบแทนจากการขายหุ้นทั้งหมดในมูลค่า 230 ล้านบาท กับระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน และเป็นประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้น จึงได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด ซึ่งจากนี้เราจะได้มาเน้นธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่ให้ดีขึ้น ซึ่งในขณะนี้ความต้องการสินค้าเราก็มีมากขึ้น” นายณรงค์กล่าว

ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC กล่าวด้วยว่า เงินที่ได้จากการขายหุ้นใน IFECG นี้ จะนำไปชำระคืนหนี้สินบางส่วนของบริษัท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายได้จำนวนหนึ่ง ที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินปันผลสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ

ซึ่งหากมีโอกาสในการขยายธุรกิจอื่นๆ บริษัทฯ ก็ไม่ได้ปิดช่องทางขอตนเอง ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงรุกสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของ IFEC นั่นคือ การเป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น “โคนิก้า มินอลต้า” รายเดียวในประเทศไทยต่อไป

ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของบริษัทฯ ยังเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวตามภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จะเห็นได้จากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 และงวด 9 เดือนของปี 2554 ของบริษัทฯ

ซึ่งในไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ  มีรายได้รวม 167.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.10 ล้านบาทหรือ 16.01% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 144.26 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 23.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.97 ล้านบาท คิดเป็น 14.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 20.36 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 (มกราคมถึงกันยายน) บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 451.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.30 ล้านบาท คิดเป็น 4.95% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 430.57 ล้านบาท