CHOW เคาะราคา IPO เอาใจนักลงทุน หุ้นละ 3.00 บาท KGI ควง 6 อันเดอร์ไรเตอร์เปิดจอง 13 15 ธ.ค.นี้
CHOW เคาะราคา IPO เอาใจนักลงทุน หุ้นละ 3.00 บาท KGI ควง 6 อันเดอร์ไรเตอร์เปิดจอง 13 – 15 ธ.ค.นี้
บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 3.00 บาท/หุ้น มีส่วนลดให้ร้อยละ 28 ย้ำตั้งราคาจูงใจหวังเอาใจผู้ถือหุ้นใหม่ ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะ ลีด อันเดอร์ไรเตอร์ เตรียมจูงมือ 6 พันธมิตร บล.คันทรี่ กรุ๊ป บล.ธนชาติ บล.พัฒนสิน บล.เคที ซีมิโก บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.โกลเบล็ก เปิดจองหุ้น 13 - 15 ธ.ค.นี้ เชื่อเสียงตอบรับคับคั่ง เหตุธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นและมีทิศทางการขยายตัวชัดเจนในระยะยาว
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยว่าบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 200 ล้านหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 3.00 บาท/หุ้น โดยราคาหุ้นดังกล่าวถือว่ามีส่วนลดให้กับนักลงทุนในอัตราร้อยละ 28 เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ย้อนหลังในช่วง 1 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2554
พร้อมกันนี้ บริษัทได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก พร้อมด้วยบริษัทหลักทรัพย์อีก 6 แห่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Underwriter) ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ซึ่งจะเปิดเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทฯ ให้กับประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 13 – 15 ธันวาคม 2554 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ประมาณวันที่ 21 ธันวาคม 2554 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "CHOW"
ภายหลังจากเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 800 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งหุ้นของครอบครัว จิรธรรมศิริ ลดลงจาก 84.5% เหลือ 63.4% เพื่อเปิดทางให้นักลงทุนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ ได้โดยตรง ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ
“มั่นใจว่าหุ้น IPO ของ CHOW จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เพราะกำหนดราคาไว้ที่ P/E ไม่สูงนัก ในขณะที่บริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2555 ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ และการขยายฐานลูกค้าเข้าไปทดแทนตลาด Billet นำเข้าได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เห็นได้จากผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 168.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.83 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,084.99 จากปีก่อน และเชื่อว่าผลประกอบการจะเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างสูงเช่นนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 4/2554 เนื่องจากเพียง 9 เดือนแรกของปีบริษัทฯ ทำรายได้รวมได้แล้วถึง 4,254.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.08 ของเป้าหมายรายได้ที่กำหนดไว้สูงกว่า 5,000 ล้านบาทในปี 2554" นายอนาวิล กล่าว
สำหรับในปี 2555 บริษัทฯ มีเป้าหมายจะผลักดันให้รายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากปี 2554 ตามกำลังการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 300,000 ตัน เป็น 360,000 ตัน หลังจากพบว่าความต้องการใช้เหล็กจะเพิ่มสูงขึ้นตามอุตสาหกรรมเหล็กที่ยังเติบโตได้ดี
จากปัจจัยการขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ และความต้องการใช้เหล็กเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ หลังอุทกภัย ประกอบกับบริษัทฯ เอง ก็สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ด้วยการเข้าไปทดแทนส่วนแบ่งทางด้านการตลาดของเหล็กนำเข้า
จากความได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง การส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าในล็อตที่เล็กลง โดยไม่ต้องสั่งสินค้าล็อตใหญ่ เหมือนการนำเข้า ทำให้การบริหารจัดการ inventory ได้ง่ายขึ้น ซึ่งสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนเห็นถึงความคุ้มค่ากับการลงทุนในหุ้น CHOW
นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) มั่นใจว่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CHOW จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท จะเห็นได้จากผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนอย่างชัดเจน
โดยหากพิจารณาจากผลประกอบการในงวด 9 เดือนของปี 2554 ที่โตกว่า 1,084.99% จากปี 2553 รวมทั้งทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กที่ความต้องการใช้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยปัจจัยการมุ่งพัฒนาโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และความต้องการใช้เหล็กซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ จะเป็นแรงส่งให้บริษัทมีอัตราการเติบโตที่เด่นชัดเช่นนี้ต่อเนื่องไปยังปี 2555
นอกจากนั้น เม็ดเงินจาก IPO ที่ได้รับในช่วงปลายปีนี้ จะก่อให้เกิดผลตอบแทนเต็มๆ ในปี 2555 ซึ่งจะช่วยให้ CHOW มีเงินทุนเพียงพอในการขยายงานรองรับการเติบโตของความต้องการเหล็กแท่งยาวสามารถเพิ่มอัตราใช้กำลังการผลิตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับการถือลงทุนเพื่อหวังผลในอนาคต
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนกล่าวว่า ราคาขายหุ้น IPO ที่ 3.00 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 11.91 เท่า
โดยคิดจากผลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลังซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำในปี 2552 เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai
ทั้งนี้คาดว่า P/E ในปีหน้าจะลดลงได้อีกมากจากการเติบโตของผลประกอบการที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงถือว่าเป็นราคาเหมาะสมและส่วนลดในอัตราร้อยละ 28 เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่ให้กับ นักลงทุน ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนจะเห็นถึงปัจจัยเหล่านี้ และจะให้การตอบรับต่อหุ้นเพิ่มทุนของ CHOW เป็นอย่างดี” น.ส. พัชพร กล่าว