ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ฯ เร่งขยายศักยภาพธุรกิจพลังงานทดแทน เล็งผุดโครงการผลิต LPG, CNG และ NGL หวังดันรายได้ปี 55 แตะพันล้าน
ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ฯ เร่งขยายศักยภาพธุรกิจพลังงานทดแทน เล็งผุดโครงการผลิต LPG, CNG และ NGL หวังดันรายได้ปี 55 แตะพันล้าน
บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ฯ เดินหน้าขยายศักยภาพธุรกิจพลังงานทดแทน หวังสร้างความแข็งแกร่ง ต่อยอดรายได้เข้าบริษัทฯ ด้าน“กิตติ ชีวะเกตุ”เผยเตรียมลงทุนโครงการโปรเจกต์ด้านพลังงานเพิ่ม ระบุหากแผนธุรกิจสำเร็จ ปี 2555 ลุ้นรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า ทิศทางและแผนขยายการลงทุนในปี 2555 ว่า บริษัทฯยังมุ่งเน้น เรื่องพลังงานทดแทน และสาธารณูปโภค โดยบริษัทยูเอซี ยูทิลิตีส์ จำกัด (UAC UT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของUAC จะเห็นความชัดเจนเรื่องการลงทุนภายในเดือนธันวาคมนี้ เช่นเดียวกับโรงงาน CBG แห่งที่สองที่ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกำลังจะเริ่มเดินหน้า โดยทั้ง 2 โครงการน่าจะแล้วเสร็จ และรับรู้รายได้ภายในปี 2555
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการกำลังเจรจากับผู้ประกอบการโรงงานในภาคอีสาน อีก 1 แห่ง เพื่อตั้งโรงงาน CBG เพิ่มเช่นเดียวกัน ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จ จะส่งผลให้บริษัทฯมีการลงทุนในCBG รวมทั้งหมด 3 โครงการ โดยโครงการแรกที่ จ.เชียงใหม่
ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนในโครงการลงทุนในเรื่องพลังงาน เพื่อผลิต LPG, CNG และ NGL โดยปัจจุบันได้มีการศึกษาโครงการ Gas Utilization Project มาระยะหนึ่งแล้ว และได้รับ Letter of Intent จากบริษัทต่างชาติที่ได้รับสัมปทานในการขุดเจาะน้ำมันดิบ และก๊าซในเขตจังหวัดสุโขทัย เพื่อทำการเจรจาการลงทุนก่อสร้างโรงงานปรับสภาพก๊าซที่เป็นส่วนหนึ่งจากการผลิตน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท และหากการเจรจาการลงทุนสำเร็จ จะเริ่มทำการผลิตประมาณปลายไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 และจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม จากแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแผนการปรับโครงสร้างบริษัทฯ เพื่อรองรับแผนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทฯประมาณการรายได้รวมในปี 2555 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ตั้งเป้าในปี 2558 รายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมี Market Capital สูงกว่าปัจจุบัน 2 เท่า
“ปี 2555 คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวสูง เพราะรัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าฟื้นฟูประเทศในทุกๆ ด้าน รวมทั้งมีปัจจัยบวกเช่นการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลง การเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ และค่าแรงขั้นต่ำ จะกระตุ้นให้เกิดการบริโภคขนานใหญ่ภายในประเทศ”นายกิตติ กล่าว
สำหรับประมาณการรายได้ในปี 2554 นายกิตติ กล่าวว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 13 -15% เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 773.64 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มธุรกิจด้านพลังงาน และปิโตรเคมี ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากดีมานด์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยประเมินได้จากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาสูงกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประกอบกับ บริษัทฯลดการเก็บสินค้าคงเหลือ (Inventory) เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดในมือให้มากขึ้น ในการรองรับการลงทุนในปี 2555 ให้สอดคล้องกับแผนการตลาดที่จะมุ่งพัฒลาดสินค้าใหม่ๆ เช่น น้ำยาแอร์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สารเคมีและสารเร่งปฏิกิริยาในการผลิตเนย และกรดไขมันประเภทต่างๆ รวมทั้งสารเร่งปฏิกิริยาในโรงงาน ปิโตรเคมีขั้นปลาย ซึ่งถือเป็นการทำตลาดล่วงหน้าสำหรับปี 2555