แนวคิดใหม่ของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ตอบสนองต่อความต้องการขับขี่ทุกรูปแบบด้วยความเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูง
"แนวคิดใหม่ของการขับขี่มอเตอร์ไซค์" คำจำกัดความสั้นๆที่ถูกมอบหมายให้ดีไซน์เนอร์ของ Ducati เมื่อครั้งที่พวกเขาได้เริ่มออกแบบ Multistrada ในขณะนั้น
ในฤดูใบไม้ผลิปี 2003 Multistrada ก็ได้เปิดตัวออกสู่ตลาดด้วยสัญลักษณ์จากโรงงานแห่ง Bologna ที่ได้สร้างรูปแบบใหม่อันน่าตื่นเต้นให้กับวงการมอเตอร์ไซค์
ด้วยมุมมองใหม่ที่รวมเอาความเป็นสปอร์ตสมรรถนะสูงเข้ากับความสามารถในการลุยที่สมบุกสมบัน ในขณะที่ให้ความสบายในการขับขี่และการใช้งานแบบเอนกประสงค์ที่ไร้คู่แข่ง
ในช่วงแรก Multistrada ได้ใช้เครื่องยนต์ทวินปลั๊กขนาด1000ซี ซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น 1100 ซีซี หลังจากที่เปิดตัว Multistada ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดีด้วยความเป็นตัวตนที่ชัดเจนของมัน
ปัจจุบันDucatiได้พัฒนาแนวคิดขึ้นไปอีกขั้นด้วยการออกแบบที่ตอบสนองต่อความต้องการผู้ขับขี่ในทุกๆ รูปแบบให้อยู่ในรถคันเดียว โดย Multistrada นั้นชื่อของมันเองก็บ่งบอกไว้อย่างชัดเจนว่าตอบสนองได้หลากหลาย รถสปอร์ตที่สมรรถนะสูง ผู้ขับขี่จะเพลิดเพลินกับพละกำลังอันมหาศาล แต่ควบคุมได้ง่าย เหนืออื่นใดต้องมีความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ไปด้วยกัน ซึ่งคำตอบคือ Multistrada 1200
เส้นทางที่แตกต่างกับรถที่เหมาะสม ?
ในทางปฏิบัติทีมวิศวกรของ Ducati ต้องการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่จะตอบโจทย์ของการเดินทางในทุกรูปแบบและทุกสภาพถนน โดยเฉพาะพื้นผิวถนนที่ต่างชนิดกันระหว่างการเดินทาง จากประสบการณ์และเทคโนโลยีจากการสร้างรถแข่ง MotoGP และ World Superbike ที่เมือง Bologna พวกเค้าจะสร้างรถคันนี้อย่างไร เพื่อให้มันไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการเปลี่ยนตัวมันเองไปตามความต้องการของผู้ขับขี่ ซึ่งที่ผ่านมาแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะหลอมรวมรถมอเตอร์ไซค์ 4 ประเภทการใช้งานไว้ในรถเพียงคันเดียว
จัดจ้านแบบ Supersport แรงบิดที่ดีแบบ Touring ควบคุมง่ายในเมือง?
การปรับเปลี่ยนกำลังของเครื่องยนต์จากรถสปอร์ตแรงสูงไปเป็นรถทัวริ่งที่ต้องเดินทางไกล ต้องมีสัมภาระพร้อมผู้ซ้อนท้าย ต้องปรับตัวเองได้เมื่อเจอเส้นทางที่ไม่ราบเรียบแบบออฟโรด หรือต้องฝ่าสายลมร้อนๆในการเดินทางประจำวันเมื่อเข้าเขตเมือง มันจะต้องเป็นรถมอเตอร์ไซด์ที่ออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายเหล่านี้ และที่ผ่านมายังไม่เคยมีรถมอเตอร์ไซด์รุ่นใดที่ทำได้ตามแนวคิดดังกล่าว
Ducati ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบสุดยอดนวัตกรรมใหม่อีกครั้งนึง โดยใช้พลังสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในแบบอย่างของความเป็นอิตาเลี่ยน ที่เพียบพร้อมด้วยความสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใช้เทคโนโลยีที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของยนตรกรรมที่ออกมาจากโรงงานใน Bologna
ทั้งหมดนี้ต้องเริ่มจากหัวใจของรถมอเตอร์ไซค์ ก็คือเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่จะพัฒนาให้โครงการนี้เป็นจริงได้Multistrada1200 ได้เลือกใช้ขุมพลังจากเครื่องยนต์ Testastretta ที่ใช้อยู่ใน Superbike 1198 อันเป็นเครื่องยนต์ที่รู้กันดีว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในการแข่งขัน World Superbike มาตลอด วิศวกรของ Ducatiได้ประสบความสำเร็จในการที่จะควบคุมพละกำลังอันมหาศาลและรุนแรง ให้มีความนุ่มนวลและสามารถที่จะปรับตัวให้ตอบสนองในทุกรูปแบบของการขับขี่
พวกเขาได้สร้างเครื่องยนต์ Testastretta 11° ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่ลงตัวในการผสมผสานสมรรถนะอันสูงส่งและความสะดวกในการใช้งาน
Multistrada 1200 : FOUR - bikes - IN - ONE!
มาลองคิดกันเล่นๆ มอเตอร์ไซค์ 4 รูปแบบที่เปลี่ยนได้ตามใจคิดเพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น ก็จะสามารถเพิ่ม-ลดแรงม้าและแรงบิด ,ปรับเซ็ตช่วงล่างให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction Control) ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ Multistrada 1200 ที่ Ducati ภูมิใจนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ four in one หรือ 4 รูปแบบการขับขี่ได้แก่ Sport, Touring, Urban และ Enduro
Mode "Sport"
ในโหมดการขับขี่แบบ Sport จะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับการเติมอดรีนาลินเมื่อได้ควบคุมม้า 150 ตัวและแรงบิดอันมหาศาลที่จะผสานเข้ากับช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ถูกปรับเซ็ตให้เหมาะสม และเพื่อที่จะบ่งบอกถึงความแม่นยำและเฉียบคมในแบบรถสปอร์ต โหมดสปอร์ตยังปรับแต่งระบบ Traction Control ไปที่ระดับ 3 เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงเข้าไปใกล้ถึงขีดสุดของการขับขี่
Mode "Touring"
ในโหมดการขับขี่แบบ Touring ยังคงแรงม้าไว้ที่ 150 แรงม้า แต่การตอบสนองของแรงบิดจะนุ่มนวลกว่าโหมดสปอร์ตและเนื่องจากในการขับขี่แบบ Touring นั้นความปลอดภัยจะเพิ่มเติมขึ้นด้วยระบบเบรค ABS อันชาญฉลาดและ ระบบ Traction Control จะถูกปรับไปใช้ในระดับ 5 เพื่อเน้นการถ่ายทอดกำลังที่มั่นคง อีกทั้งระบบช่วงล่างจะถูกปรับให้เหมาะสมเพื่อเน้นความสะดวกสบายสูงสุดทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย
Mode "Urban"
โหมดนี้สำหรับการขับขี่ในเมือง ซึ่งต้องการรถที่ควบคุมได้ง่ายสามารถขี่ได้ทุกวันไม่ว่าจะเป็นการขี่ไปทำงาน หรือเข้าเมืองไปดื่มกาแฟในร้านประจำเป็นต้น โหมดนี้ระบบจะลดแรงม้ามาอยู่ที่ 100 แรงม้า ส่วนระบบกันสะเทือนจะปรับเซ็ตให้เหมาะสมกับการรองรับแรงกระแทกต่างๆ จากการวิ่งบนถนนในเมืองที่จะมีทั้งตัวดักความเร็วหรือฝาท่อระบายน้ำ ส่วนระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (DTC) จะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ 7 ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถสนุกสนานกับการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้นแม้ว่าจะต้องเผชิญกับการจราจรที่สับสนวุ่นวายก็ตามที
Mode "Enduro"
สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายบนถนนแบบออฟโรด Multistrada 1200 สามารถตอบสนองการขับขี่แบบ Enduro ได้ดั่งใจจากการออกแบบตัวรถที่เบา มีความคล่องแคล่วสูง แฮนเดิ้ลบาร์ที่สูงและกว้าง แป้นพักเท้าแบบออฟโรด รวมไปถึงยางหน้า-หลังที่ออกแบบเป็นพิเศษ เมื่อทั้งหมดนี้จับคู่กับโหมด Enduro เครื่องยนต์จะปรับมาที่ 100 แรงม้า ระบบช่วงล่างจะปรับให้สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ และยังสามารถเลือกปิดระบบ ABS ได้ ระบบ DTC จะถูกปรับลดมาที่ระดับ 1 เพื่อที่จะให้มีการสไลด์ของล้อหลังได้มากที่สุด
The four-bikes-in-one
แนวคิดการพัฒนารถแบบ 4 in 1 ของ Multistrada 1200 ใช้ 3 เทคโนโลยีเพื่อที่จะเปลี่ยนรูปแบบของรถ
1.ระบบ Ride-By-Wire หรือคันเร่งไฟฟ้า พร้อมผังโปรแกรมสั่งการล่วงหน้าแบบ 3 มิติที่รองรับการทำงานถึง 3 รูปแบบ
2.ระบบ DTC (Ducati Traction Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีปรับได้ตามความต้องการของระบบ 8 ระดับ ซึ่งทั้งสองระบบนี้จะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกเวอร์ชั่น
3.ในรุ่น S Version เพิ่มระบบ DES ( Ducati Electronic Suspension) ที่รองรับการทำงานเมื่อผู้ขับขี่เลือกโหมดการขับขี่และตัวเลือกอื่นๆเช่นเมื่อ "ขับขี่คนเดียว", "ขับคนเดียวแบบมีกระเป๋าสัมภาระ" หรือ "ขับขี่แบบมีผู้ซ้อนท้าย" และ"ขับขี่แบบมีผู้โดยสารและสัมภาระ"
ในกรณีผู้ขับที่มีประสบการณ์แล้วก็สามารถเลือกที่จะปรับตั้งค่าในแต่ละโหมดการขับขี่ใหม่ได้เช่นระดับการตอบสนองของระบบ ABS, DTC และการปรับเซ็ทตั้งค่าชอคอัพทั้งหน้าและหลังยกเว้นสปริงพรีโหลดที่ชอคอัพหน้าที่ต้องปรับเซ็ทตั้งค่าด้วยมือ (รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากคู่มือประจำรถ หรือติดต่อศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง)
RIDE-BY-WIRE
Ride by Wire
เพื่อให้การควบคุมคันเร่งเป็นไปอย่างฉับพลันและตอบสนองอย่างแม่นยำกับข้อมูลที่ได้รับจากส่วนต่างๆของระบบที่เกี่ยวข้อง ระบบคันเร่งอิเลคทรอนิกส์จึงถูกนำมาใช้กับ Multistrada 1200 โดยส่วนของคันเร่งจะถูกเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประมวลผลกลางเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตามโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับขี่เลือกไว้มาเทียบกับค่าแผนภูมิ 3 มิติ 3 แบบ และผลการวิเคราะห์ข้อมูลจะตอบสนองต่อการควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อที่กำหนดไหลของไอดี ทำให้แรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ในแต่ละโหมดที่แตกต่างกันตั้งแต่ 100 แรงม้าจนถึง 150 แรงม้ากับแรงบิดที่ 87.5 ถึง 118 นิวตัน/เมตร
DUCATI TRACTION CONTROL (DTC)
Ducati Traction Control (DTC)
DTC หรือระบบควบคุมแรงขับส่วนเกินเพื่อป้องกันการหมุนฟรีปรับระดับการตอบสนองต่อแรงขับของล้อได้ 8 ระดับตอบสนองการทำงานในระดับมิลิวินาที ระบบ DTC จะคอยตรวจสอบการหมุนของล้อหลังว่าสัมพันธ์กับความเคลื่อนที่ของตัวรถหรือไม่ ระดับของการควบคุม 8 ระดับนั้นระดับที่ 1 จะอนุญาตให้ล้อหมุนฟรีได้มากที่สุด ไปจนถึงระดับ 8 สูงสุดหรือ DTC ทำงาน 100% เพื่อป้องกันการล้อหมุนฟรีในทุกๆสภาพการขับขี่ อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับแต่งระบบ DTC ได้ผ่านโหมดการใช้งานที่เลือก
ระบบกันสะเทือนของ ÖHLINS กับช่วงล่างอิเลคทรอนิกส์ Ducati (DES)
Multistrada 1200 เวอร์ชั่น S จะใช้ระบบกันสะเทือนทั้งชุดของ ÖHLINS รุ่นล่าสุดพร้อมกับติดตั้งระบบ DES (Ducati Electronic Suspension) ที่โรงงาน Ducati พัฒนาขึ้นมาใช้กับ Multistrada 1200 โดยตัวระบบ DES จะทำการปรับตั้งค่าให้กับสปริงพรีโหลด อัตรายุบตัว (Compression Damping) และอัตราการคืนตัวของชอคอัพ (Rebound) การปรับตั้งค่าตามความต้องการของผู้ขับขี่สามารถทำได้ผ่านทางจอแสดงผล ชุดชอคอัพหน้าเป็นแบบเทลสโกปิคแบบหัวกลับ (USD) ขนาด 48 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบชอคอัพเดียวทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแขนเดี่ยว
TESTASTRETTA 11° พละกำลังและการควบคุมที่เหมาะสมเพื่อการเดินทาง
จุดเริ่มต้นของ Project Multistrada1200 มาจากเครื่องยนต์ การเลือกเครื่องยนต์ให้สมเกียรติกับตัวรถจำเป็นต้องทรงพลังและทันสมัยที่สุดจากโรงงาน Ducati ซึ่งจะเป็นเครื่องตัวไหนไปไม่ได้นอกจาก Testastretta Evoluzione จาก Superbike 1198
ซึ่งความท้าทายในการพัฒนาไม่ได้มีแค่นั้น ทีมออกแบบและวิศวกรต้องหาทางที่จะทำให้เครื่องยนต์ลูกนี้ตอบสนองการใช้งานทุกประเภทตามแนวคิดของตัวรถ 4-in-1 จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเป็นเครื่องยนต์ TESTASTRETTA 11°
ทำไมถึงต้องเป็น 11°?
สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานแบบทัวริ่งนั้น ความนุ่มนวลและความเป็นมิตรของเครื่องยนต์เป็นหัวใจหลักเพื่อความง่ายดายและสะดวกสบายในการขับขี่
การที่จะทำให้เครื่องยนต์แบบนั้นเกิดขึ้นได้ เนื่องมาจากการจัดวางองศาโอเวอร์แล็ปของวาล์วนั่นเอง
โอเวอร์แล็ปคืออะไร? โอเวอร์แล็ปคือจังหวะที่วาล์วไอเสียกำลังจะปิดและวาล์วไอดีกำลังจะเปิด โดยในเครื่องยนต์มรรถนะสูง ๆ ซึ่งจะยอมแลกความนุ่มนวลเพื่อให้ได้พละกำลังที่มหาศาล โดยใช้องศาโอเวอร์แล็ปสูง อย่างที่ใช้กับ Superbike 1198 นั้นใช้องศาโอเวอร์แล็ปสูงถึง 41° ส่วนที่ใช้ใน Multistrada 1200 จะลดลงเหลือ 11° เพื่อที่จะเน้นเรื่องความนุ่มนวลของกำลังเครื่องมากกว่า ขณะเดียวกันยังทำให้มีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 15% อีกทั้งยังลดค่าไอเสียลงไปถึง 65%
แม้ว่าจะลดองศาโอเวอร์แล็ปลงไป แต่แรงม้าและแรงบิดยังคงสูงอยู่มาก โดย Multistrada 1200 จะมีแรงม้าสูงสุดถึง 150 แรงม้า และ แรงบิด 12.1 กิโลกรัมเมตร ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของเครื่องยนต์ L-Twin ของ Ducati จากการปรับแต่งช่องพอร์ทไอดีและไอเสีย การปรับองศาแคมชาร์ฟใหม่ และลดกำลังอัดลง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการตอบสนองของแรงบิดที่ดีเยี่ยมตั้งแต่รอบต่ำๆ และมีย่านการทำงานที่กว้าง ทำให้ Multistrada 1200 ขับขี่ได้ง่ายดั่งใจคิด
ชุดเกียร์และระบบส่งกำลัง
ได้ถูกปรับปรุงอัตราทดของเฟืองเกียร์ 6ใหม่ เพื่อให้ลดความสะท้านและลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ตัวอย่างเช่นถ้า Supersport 1198 สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดได้ในเกียร์ 6 Multistrada สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดได้ตั้งแต่เกียร์ 5 และเมื่อขึ้นเกียร์ 6 ก็จะเป็นเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟที่แม้ความเร็วจะเท่าเดิมแต่รอบการทำงานลดลงเป็นต้น
ชุดคลัทช์ตัดต่อกำลัง
Multistrada 1200 ใช้ระบบคลัชท์เปียกจาก F.C.C. ที่นอกเหนือจากความนุ่มนวลในการทำงานแล้วยังได้ความสามารถของระบบ Slipper Clutch จะช่วยลดอาการล้อล็อคจากการลดเกียร์อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่มากขึ้น
น้ำหนักเบาเพียง 189 กิโลกรัม
งานสำคัญส่วนหนึ่งคือการลดน้ำหนักตัวรถ โดย Multistrada 1200 ใหม่นี้มีน้ำหนักเปล่าเพียง 189 กิโลกรัมซึ่งเมื่อเทียบกับรถ Enduro อื่นๆ แล้วถือว่า Multistrada 1200 มีน้ำหนักเบาที่สุด การลดน้ำหนักตัวรถโดยรวมลงนอกจากจะได้เรื่องความประสิทธิภาพกับอัตราเร่งที่สูงขึ้นแล้ว ยังประหยัดน้ำมัน และให้ระยะเบรกที่สั้นกว่า
ซึ่ง Ducatiได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการออกแบบในชิ้นส่วนสำคัญๆ ของตัวรถ ในส่วนของเครื่องยนต์ Ducati ได้ใช้เทคโนโลยี Vacural อัดฉีดอลูมิเนียมขึ้นรูปในการผลิตตัวเรือนเครื่องยนต์ ระบบเฟรมแบบ Trellis ประกอบขึ้นจากการผสมผสานของโลหะผสม ALS450 เข้ากับอลูมิเนียมหล่อและ Hi-Tech โพลิเมอร์ รวมถึงสวิงอาร์มแขนเดี่ยวผลิตจากอลูมิเนียม โดยเฉพาะถังน้ำมันที่ใช้เทคโนโลยี Blow Moulding เพื่อให้ได้ความจุสูงสุดในขณะที่น้ำหนักของถังน้ำมันจะเบามาก
ท่อไอเสียสั้นเรียบง่ายน้ำหนักเบา
ท่อไอเสียทั้งชุดทำจากสเตนเลส ออกแบบใหม่ให้ดูเรียบง่ายและมีขนาดเล็ก แตกต่างไปจากระบบท่อไอเสียแบบ 2-1-2เดิม Multistrada1200 ใช้คอท่อไอเสียจากสองสูบต่อตรงเข้ากับปลายท่อที่ภายในถูกออกแบบให้เป็นสามส่วน โดยจะประกอบด้วยส่วนของชุดกรองไอเสีย และส่วนที่ออกแบบให้ซับเสียง แต่ขณะเดียวกันก็ได้เสียงท่ออันเป็นเอกลักษณ์ของ Desmo L-Twin ของ Ducati ผ่านปลายท่อคู่อลูมิเนียมอัลลอยด์น้ำหนักเบา
การยศาสตร์และความสะดวกสบาย
Multistrada 1200 ได้รับการออกแบบโดยเน้นหนักในเรื่องของ ergonomic (การออกแบบอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับร่างกายของมนุษย์) โดยใช้ทั้งการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ CAD และทดสอบจริงด้วยรถต้นแบบซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าเพื่อจะรับประกันได้ถึงขีดสุดของความสะดวกสบายบนรถทัวริ่งแบบเต็มพิกัด
ภาพจาก www.multistrada.ducati.com
ระยะออฟเซ็ทของ แฮนด์-เบาะนั่ง-และพักเท้า ได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้แรงควบคุมรถต่ำและมีความผ่อนคลายทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายให้ความรู้สึกกว้างขวางไม่อึดอัดแม้ว่าจะต้องติดตั้งกระเป๋าสัมภาระมาตรฐานหรือกระเป๋าใบที่สามเพิ่มเติมไม่ว่าจะอยู่ในโหมดการขับขี่แบบใดก็ตาม
แฮนเดิ้ลบาร์แบบเทเปอร์ ด้วยช่วงแฮนด์ที่กว้างทำให้การควบคุมทำได้เบาแรง สะดวกสบาย และให้มุมเลี้ยวที่แคบถึงด้านละ 38° เมื่อหักแฮนด์สุดซ้ายและขวา ทั้งนี้บริเวณส่วนปลายของแฮนด์ยังได้รับการติดตั้งตัวลดแรงสั่นสะเทือนที่จะช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ทางไกลได้อย่างดี
เพื่อความเป็นสัดส่วนระหว่างผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย Multistrada 1200 ออกแบบให้เบาะนั่งมีลักษณะแยกส่วนกัน เบาะนั่งของผู้ขับขี่เน้นการควบคุมรถที่ดี ส่วนของผู้ซ้อนท้ายเน้นการการลดแรงกระแทกและความสบายของสรีระจากการนั่งเดินทางเป็นระยะเวลานานๆ
ตำแหน่งพักเท้าเน้นการปรับปรุงมุมชันระหว่างแฮนด์กับเบาะนั่งเพื่อให้ได้ระยะที่ดีที่สุดของการควบคุมรถและสบายที่สุดสำหรับช่วงขาของผู้ซ้อนท้าย พร้อมติดตั้งยางหนุนพักเท้าลดแรงสะเทือน ตำแหน่งด้านท้ายของผู้ซ้อนท้ายยังเพิ่มบาร์จับให้ผู้ซ้อนท้ายกรณีที่ต้องการความมั่นคงบนตัวรถเพิ่มขึ้นระหว่างเดินทาง
กระจกส่องหลัง Multistrada 1200 สามารถปรับได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพิ่มพื้นที่มุมมองมากขึ้นจากรุ่นก่อน
ช่องเก็บของจิปาถะบริเวณส่วนหน้าด้านขวาของรถสามารถใช้เป็นที่เก็บโทรศัพท์มือถือหรือบัตรผ่านต่างๆ ส่วนที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมใต้เบาะมีความจุขนาด 3 ลิตรแบบเอนกประสงค์จะอยู่ใต้เบาะผู้โดยสาร
บังลมปรับระดับ
Multistrada 1200 ถูกออกแบบมาสำหรับภาระกิจในการเดินทางไกลในสไตล์ Touring เช่นชุดบังลมด้านหน้าที่สามารถปรับระยะความสูงต่ำได้ (ด้วยมือ) ถึง 60 มม. เพื่อเพิ่มหรือลดแรงปะทะลมต่อตัวผู้ขับขี่
ถังน้ำมันเชื้อเพลิง 20 ลิตร
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้ความจุมากถึง 20 ลิตรเพียงพอต่อการเดินทางในรัศมีระยะ 300 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง
ปลั๊กไฟ 12 สำหรับอุปกรณ์ IT อื่นๆ
นอกจาก Multistrada 1200 ยังเตรียมช่องเสียบปลั๊กไฟขนาด 12V จำนวน 2จุด บริเวณใต้เบาะนั่งของผู้ขับขี่ ซึ่งได้ให้กำลังไฟสูงสุดถึง 3 แอมป์พร้อมฟิวส์เพื่อป้องกันกระแสเกิน ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตั้งอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์เพิ่มเติมได้ตัวอย่างเช่น อินเตอร์คอม , เครื่องชาร์จแบตเตอร์รี่สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีกทั้งยังมีช่องต่อพิเศษสำหรับระบบนำทาง GARMIN (อุปกรณ์เสริม) บริเวณหน้าจอแสดงผลด้วย
การออกแบบ บุคลิก-ตัวตนของ Multistrada 1200
รูปแบบท่อไอเสียและซุ่มเสียง
สำหรับ Ducati นั้น การออกแบบไม่ใช่แค่ให้สวยสะดุดตา แต่ต้องใช้งานได้ดี และมีประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ท่อไอเสียของ Multistrada 1200 ถูกออกแบบให้กลืนไปกับตัวรถและอยู่ในตำแหน่งที่กระจายน้ำหนักได้ดี บริเวณส่วนปลายท่อไอเสียมีขนาดที่สั้นเพื่อที่จะไม่ให้ไปกระทบกับพื้นที่ ๆ แม้ว่าท่อไอเสียจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงเสียงท่ออันเป็นเอกลักษณ์ของ DUCATI ในขณะเดียวกันก็ยังมาตรฐานมลพิษทางด้านเสียงและปริมาณไอเสียในระดับมาตรฐาน Euro 3ด้วย
ช่องดักอากาศส่วนหน้า
ชิ้นส่วนช่องดักอากาศแบบคู่ โดยในเวอร์ชั่น S จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ในส่วนนี้ไม่ใช่การออกแบบเพื่อความสวยงามอย่างเดียวแต่ยังเป็นทำหน้าที่เป็นช่องดักเพื่อป้อนอากาศเย็นให้กับแผงออยคูลเลอร์และอีกช่องทำหน้าที่เป็นช่องแรมแอร์ป้อนอากาศเข้าสู่หม้อกรองอากาศอย่างเพียงพอ
สวิงอาร์มหลังแขนเดี่ยว
สวิงอาร์มหลังของ Multistrada ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจากรุ่น Superbike มีความแข็งแรงทางโครงสร้างสูงหล่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันทนทานต่อแรงกระทำที่เกิดระหว่างการขับขี่ในโหมดต่างๆได้อย่างมั่นใจ
ระบบส่องสว่าง ไฟหน้า-ไฟท้าย-ไฟเลี้ยว
ไฟหน้าของ Multistrada 1200 เป็นสองดวงสมมาตรใช้หลอดไฟแบบฮาโลเจน แบ่งเป็นไฟต่ำ 2 ดวงและไฟสูง 2 ดวงให้มุมแสงสว่างกว้างและไกลสำหรับการเดินทางไกลยามค่ำคืนได้อย่างดี และเด่นชัดเจนสำหรับเวลากลางวันจากมุมมองของรถที่ร่วมถนนอื่นๆ โดยเฉพาะไฟหน้าและไฟท้ายจะมีหลอดไฟ LEDs สีขาว ให้ความสวยงามและเด่นชัดเช่นเดียวกับไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาที่ติดตั้งบนการ์ดแฮนด์
CHASSIS SET-UP: frame, brakes and suspension
(โครงสร้างหลักและส่วนประกอบสำคัญ เฟรม เบรก และระบบกันสะเทือน)
ชิ้นส่วนทั้งหมดที่ใช้ใน Multistrada 1200 วิศวกร Ducati ได้เลือกชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการออกแบบและกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิค ความพิถีพิถันในการประกอบชิ้นส่วนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพดีที่สุดจากทุกๆส่วนที่ออกแบบไว้
เฟรมทรงเรขาคณิตหรือสเปซเฟรม ฐานล้อที่ยาวขึ้น ระยะมุมแกนชอคอัพหน้า - ระยะเทรล ทั้งหมดเป็นออฟเซ็ทความสัมพันธ์หลักๆ ที่สำคัญสำหรับการควบคุมรถที่ดี สมดุลและมั่นคงในความเร็วสูง และมีเสถียรภาพที่ดีในโค้งรองรับการเอียงรถขณะไต่โค้งได้ถึง 45° ด้านความคล่องตัว Multistrada 1200 มีมุมหักเลี้ยวซ้าย - ขวาถึงด้านล่ะ 38° (รวม 76°) ช่วยให้ความคล่องตัวเมื่อต้องพลิกพลิ้วในความเร็วต่ำทำได้ดี
Frame
โครงสร้างเฟรมของ Multistrada 1200 เป็นTrellis Frame ประกอบด้วยสามส่วน ส่วนแรกโครงสร้างเฟรมหลักเป็นแบบเดียวกับ Superbike 1198 ประกอบเข้าเฟรมอลูมิเนียมหล่อที่เป็นตัวประสานกันกับซับเฟรมท้ายแบบ Trellis เช่นเดียวกัน จากการผสานกันทั้งหมดนี้ทำให้เฟรมของ Multistrada 1200 สามารถลดการบิดตัวจากแรงต่างๆระหว่างขับขี่ถึง 19% ส่วนโครงหน้ากากหน้าเป็นวัสดุแม็กนีเซียมหล่อขึ้นรูปด้วยความดันสูงซ่อนตัวอยู่ภายใต้แฟริ่งด้วยเหตุผลเพื่อให้ส่วนหน้ามีน้ำหนักเบาและสวยงาม เหตุผลก็เพื่อให้ Multistrada 1200 ดูดีที่สุดเมื่อผู้ขับขี่นำมันออกไปโลดแล่นบนถนน
Tyres
Pirelli ทำงานร่วมกับ Ducati เป็นพันธมิตรทางเทคนิคในโครงการพัฒนายาง Pirelli Scorpion Trail ยางเฉพาะรุ่นสำหรับ Multistrada 1200 โดยเป็นยางเนื้อผสมตามลักษณะการเดินทางไกล โดยแนวหน้าสัมผัสกับผิวถนนเมื่อวิ่งทางตรงจะแข็งเพื่อรับแรงกระชากตัว อัตราเร่งและการเบรก ส่วนบริเวณแก้มยางหรือแนวขอบจะมีเนื้อนิ่มกว่าเพื่อเน้นการยึดเกาะผิวถนนในโค้งเป็นหลัก สำหรับ Pirelli แนวคิดการดีไซน์ยางลักษณะนี้คือ 4-Bikes-in-one หรือ 4 ประเภทการใช้งานใน 1 เดียว ยางหลังของ Multistrada 1200 ใช้ขนาด 190/55 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับในรถซูเปอร์สปอร์ต
Braking System
ระบบเบรคหน้าแบบดับเบิลดิสค์ขนาดจานดิสค์ 320 มม.ใช้แม่ปั๊มเบรค-เรเดียลเม้าท์ของ Brembo 4 ลูกสูบ ส่วนล้อหลังเป็นแบบซิงเกิ้ลดิสค์ขนาด 245 มม.แม่ปั๊มเบรค 2 ลูกสูบ โดยเวอร์ชั่นแสตนดาร์ดจะมีระบบ ABS เป็นอุปกรณ์เสริม และจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานบนเวอร์ชั่น S โดยระบบ ABS นี้สามารถปิดหรือเปิดการทำงานได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่แต่ระบบ ABS จะกลับมาทำงานโดยอัตโนมัติอีกครั้งเมื่อมีการติดเครื่องใหม่
Suspension
(ระบบกันสะเทือนหน้า-หลัง)
ระบบกันสะเทือนหน้าของ Multistrada 1200 ในรุ่นมาตรฐานใช้ชอคอัพหน้าเทเลสโกปิค-หัวกลับ ขนาด 50มม. ของ Marzocchi ที่สามารถปรับค่าสปริงรับน้ำหนัก, การยุบตัว, การคืนตัวของกระบอกชอคอัพได้อย่างเต็มที่ ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบสวิงอาร์มเดี่ยวทำงานร่วมกับชุดชอคอัพของ Sachs สามารถปรับตั้งสปริงรับน้ำหนัก การยุบตัว-การคืนตัวของชอคอัพได้
โดยระบบกันสะเทือนหน้า-หลังมีระยะยุบตัวเท่ากันที่ 170 มม. ซึ่งระยะยุบตัวนี้จะผันแปรไปตามโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับขี่เลือกโดยจะสูงสุดในโหมด Enduro หรือ Off-Road ส่วนในรุ่น S version ใช้ชอคอัพหน้าและหลังใช้ของ Öhlins. ควบคุมด้วยระบบ DES (Ducati Electronic Suspension) ที่พัฒนามาสำหรับ Multistrada 1200 โดยเฉพาะ
Technology
Hands Free
การเปิดสวิทช์หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ Multistrada 1200 ไม่สามารถทำได้ด้วยกุญแจทั่วไป ระบบกุญแจอิเลคทรอนิคส์จะทำงานกับระบบบนตัวรถด้วยคลื่นวิทยุในระยะ 2 เมตรรอบๆ ตัวรถ โดยกุญแจอิเลคทรอนิคส์นี้มีการเข้ารหัสเฉพาะในรถแต่ละคัน ดังนั้นการเริ่มต้นระบบของตัวรถทั้งหมดคุณต้องมีกุญแจอิเลคทรอนิคส์ที่มากับรถเฉพาะคันเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดเบาะนั่ง เปิดฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปการล๊อกหรือปลดล๊อกคอระหว่างที่จอดรถ
ON-BOARD COMPUTER
ระบบออนบอร์ดคอมพิวเตอร์แสดงผลแบบ LCD ขนาดใหญ่ออกแบบผสมผสานกับจอ LCD ทรงกลมที่จะแสดงข้อมูลหลักสไตล์ dot-matrix เพื่อรายงานผลระหว่างการทำงานไม่ว่าจะเป็นความเร็วเดินทาง, วัดรอบเครื่องยนต์, ตำแหน่งเกียร์ที่ใช้, ระยะทางในทริป, วัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงในถังพร้อมนาฬิกาบอกเวลา
นอกจากนี้ในส่วนของการขับขี่ หน้าจอแสดงผลนี้ยังใช้ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่ Multistrada 1200 มีให้เลือกคือ Sport, Touring, Urban, Enduro โดยผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกให้เหมาะกับการเดินทางได้ตลอดเวลา ซึ่งรวมไปถึงปรับเปลี่ยนตัวเลือกส่วนประกอบอื่นๆในการดินทางเช่น ขับขี่คนเดียว หรือมีผู้ซ้อนท้าย หรือขับขี่คนเดียวพร้อมกระเป๋าสัมภาระ หรือแบบมีผู้โดยสารพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระเป็นต้น
Model Version
'S' Version (เวอร์ชั่น S)
อุปกรณ์และคุณสมบัติหลักของ 'รุ่น S' ประกอบด้วยระบบเบรค ABS, ระบบกันสะเทือน Ducati Electronic Suspension (DES) นวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะสำหรับ Multistrada 1200 โดยเป็นการออกแบบร่วมกันระหว่างวิศวกรของ Öhlins ร่วมกับทีมออกแบบของ Ducati โดยจะมีสองออฟชั่นให้เลือกระหว่าง Sport Edition และ Touring Edition
- Sport Edition
รุ่น Sport เน้นความสวยงามด้วยสไตล์มอเตอร์สปอร์ตโดยมีอุปกรณ์เพิ่มความสวยงามด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ตามส่วนต่างๆ ของตัวรถเช่นที่ช่องดักอากาศด้านหน้า, ฝาครอบสายพานราวลิ้น, บังโคลนหลัง และชุดบังคับทิศทางลมด้านข้าง
- Touring Edition
รุ่น Touring การออกแบบเน้นไปที่ความสะดวกสบายและเอนกประสงค์การใช้งาน เช่นขาตั้งกลางสำหรับการจอดหรือกรณีต้องการตรวจเช็ครถระหว่างเดินทางไกล, ระบบอุ่นที่มือจับสำหรับการขับขี่ในช่วงอากาศเย็น-หนาว, กระเป๋าบรรทุกสัมภาระที่ออกแบบมาเข้าชุดกับตัวรถขนาด 57 ลิตร (หรือขนาด 77 ลิตรในรุ่นฝากระเป๋าขนาดใหญ่) สามารถถอดเข้าออกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ชุดตัวล๊อกกระเป๋าและอุปกรณ์ยึดถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงสำหรับเดินทางโดยเฉพาะ
TAILOR-MADE ACCESSORIESด้วยการออกแบบให้มีความหลากหลายในภาระกิจของ Multistrada 1200 ทีมออกแบบอุปกรณ์ตกแต่งได้ปรับวิธีการคิด-การออกแบบอุปกรณ์เสริมต่างๆใหม่ ให้อุปกรณ์เดิมและอุปกรณ์เสริมสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สวยงามตามลักษณะของภาระกิจที่ถูกนำไปใช้งานทั้งรุ่น Sport และ Touring เช่นระบบนำทางด้วย GPS, ชุดกระเป๋าสัมภาระ, ชุดกระเป๋าสัมภาระเสริมใบที่ 3, ระบบป้องกันการโจรกรรม, ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับติดตั้งเพิ่มเติมเช่น บังโคลนล้อหลัง, การ์ดแฮนด์, ระบบทำความอบอุ่นที่มือจับและชุดขาตั้งคู่
Garmin GPS (* option) (ระบบนำทางด้วยดาวเทียม GPS ของ Garmin :*อุปกรณ์เสริม)
เพื่อให้ความรู้สึกเต็มที่กับการเดินทางไกล Ducati และ Garmin ได้พัฒนาอุปกรณ์นำทางด้วย GPS เพื่อติดตั้งบน Multistrada 1200 ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับการใช้งานบนรถจักรยานยนต์ มีระบบป้องการแสงสะท้อน กันน้ำ จอหน้าปัดแสดงผลแบบ 18 บิต แบตเตอร์รีแบบลิเธียมที่ใช้งานติดต่อกันได้นานถึง 8 ชั่วโมง
และสามารถติดตั้งหน่วยความจำแบบติดตั้งภายนอกชนิด Micro SD เพิ่มเติม พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์แบบพกพาเพื่อปรับตั้งค่าและเก็บข้อมูลการนำทางและตั้งค่าการนำทางล่วงหน้าได้ (*เป็นอุปกรณ์เสริม : รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการของ Ducati ในแต่ละพื้นที่ได้ , ตำแหน่งพิกัด GPS ที่ติดตั้งมาให้โดยพื้นฐานมีสนามแข่งขัน MotoGP และ World Superbike ทุกสนาม)
Low Seat
(เบาะนั่งระดับต่ำ)
เมื่อมีการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดระยะความสูงเบาะนั่งผู้ขับขี่จะลดลงไปอีก 25 มม. เพื่อความมั่นใจในการทรงตัวอย่างเต็มเท้าเมื่อต้องทรงตัวในความเร็วต่ำหรือหยุดรถในย่านจารจรติดขัด
Top Case
(กระเป๋าสัมภาระเสริมใบที่ 3 )
ความจุกระเป๋าสัมภาระขนาด 48 ลิตร ใบท้าย(อุปกรณ์เสริม)ช่วยให้สามารถบรรจุหมวกนิรภัยแบบปิดเต็มหน้า 2 ใบ เมื่อรวมกับกระเป๋าสัมภาระด้านข้างอีก 2 ใบแล้ว ทำให้คุณได้รับความสะดวกสบายกับการเดินทางระยะยาวได้มากกว่า และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางระยะสั้นๆ นอกจากนั้นกระเป๋าใบที่ 3 นี้ยังเป็นพนักพิงในตัวสำหรับผู้ซ้อนท้ายได้อย่างดี กระเป๋าสัมภาระทั้ง 3 ตำแหน่งยังถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการติดตั้งและถอดออกได้อย่างสะดวกหลังเสร็จสิ้นการเดินทางประจำวัน
Anti-theft alarm
(ระบบป้องกันการโจรกรรม)
Ducati ได้พัฒนาระบบป้องกันการโจรกรรมเพิ่มเติมโดยจะส่งเสียงเตือนทันทีเมื่อเซ็นเซอร์ ในระบบตรวจพบว่ามี การเคลื่อนย้าย-ลากจูง หรือการยกรถจากตำแหน่งเดิมที่จอดรถไว้
Electric Filler cap
(ฝาปิดถังน้ำมันอิเลคทรอนิค)
จากข้อดีของระบบ Hand Free ที่ไม่ต้องใช้กุญแจแบบปกติ Multistrada 1200 ระบบ Electric Filler Cap จึงถูกออกแบบมาทำงานควบคู่กัน โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดฝาถังเพื่อเติมน้ำมันได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ เพียงแค่ยกฝาปิดช่องเติมน้ำมันขึ้นมา นอกจากนั้นคุณสามารถเปิดฝาปิดถังน้ำมันได้ภายในเวลา 60 วินาที หลังจากดับเครื่องยนต์
Carbon fibre spray guards
(ชุดบังโคลนหลังคาร์บอนไฟเบอร์)
ชุดบังโคลนล้อหลังด้านในทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาช่วยป้องกันดินโคลน-ทราย จากการขับขี่ในแบบ Enduro
Carbon fibre front mudguard
(ชุดบังโคลนหน้า คาร์บอนไฟเบอร์)
บังโคลนล้อหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ในลวดลายการทอเส้นใยแบบกากบาทเสริมความสวยงามให้กับส่วนหน้าของรถได้อย่างลงตัว
Tyre Pressure monitoring system
(ระบบตรวจเช็คความดันและอุณหภูมิยาง)
เพื่อให้ระบบเบรค ABS*, ระบบป้องกันการล้อล๊อกตาย DTC* และคันเร่งไฟฟ้าใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดการเดินทาง (*ในรุ่น Sport Edition และ Touring Edition ) Ducati ได้เพิ่มเซนเซอร์ตรวจวัดความดันและอุณหภูมิภายในยางด้วยวาล์วพิเศษ ซึ่งจะส่งคลื่นสัญญาณที่อ่านได้ผ่านระบบแฮนด์ฟรีโดยจะแสดงค่าและการแจ้งเตือนที่ได้ตามเวลาจริง ( Real Time ) บนหน้าปัดแสดงค่าที่เรือนไมล์
Version
เวอร์ชั่น Standard
- ระบบ ABS เป็นอุปกรณ์ทางเลือกที่ติดตั้งเพิ่มเติม
เวอร์ชั่น S
- ติดตั้งระบบเบรก ABS และชอคอัพ Öhlins ที่ออกแบบมาใช้กับระบบ DES* ในเวอร์ชั่น Sport Edition และ Touring Edition