จะพูดอังกฤษได้ดี ไม่ใช่แค่การเข้าคอร์สเรียนภาษาเยอะเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ จำเป็นมากที่เราต้องมี วิธีคิดแห่งความสำเร็จ
ดร.ขวัญนภา ชูแสง
ถ้าลองย้อนนึกถึงเมื่อ 15 ปีก่อน นักศึกษาจบใหม่ที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้ ถือว่ามีความสามารถพิเศษเลยนะคะ ถ้าสมัครงานจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ ตอนนี้ เราคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์จนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์กลายเป็นคุณสมบัติปกติที่ทุกคนต้องมี ใครใช้ไม่เป็นนี่ถือว่าประหลาด ยิ่งกับเด็กเล็กๆ ด้วยแล้ว เรียกได้ว่า แทบจะคาบเมาส์มาเกิดเลยค่ะ
แต่...เคยคิดกันบ้างไหมคะว่า แล้วภาษาอังกฤษล่ะคะ เราเรียนกันมาเยอะมาก เยอะกว่าคอมพิวเตอร์ ถ้านับรวมตั้งแต่อนุบาล-ปริญญาตรี ทุกคนต้องได้เรียนกันมาร่วม 20 ปี กันทั้งนั้น แต่ทำไมถึงพูดไม่ได้ พูดไม่ชัดแบบฝรั่ง !!! และที่สำคัญ อีกไม่เท่าไหร่ ภาษาอังกฤษก็จะได้กลายเป็น “ทักษะสามัญที่ทุกคนต้องมีติดตัว” เช่นกันนะคะ จะเกิดอะไรขึ้น หากเรายังพูดอังกฤษไม่ได้ พูดได้ที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงเป๊ะ 100% นะคะ แต่หมายถึงว่า ต้องกล้าพูด ต้องฟังออก สื่อสารได้ คือต้องคุยรู้เรื่องค่ะ
จะพูดอังกฤษได้ดี ไม่ใช่แค่การเข้าคอร์สเรียนภาษาเยอะเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ จำเป็นมากที่เราต้องมี วิธีคิดแห่งความสำเร็จ ด้วย จำไว้นะคะว่า...
o สมองเราไม่มีต้นแบบภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่มีความทรงจำเก่า พอถึงเวลาต้องใช้งาน จึงนำมาใช้ไม่เป็น เพราะไม่คุ้นเคย จึงต้องฝึกเยอะๆ เพื่อสร้างความเคยชิน
o สมองจะจดจำสิ่งที่เราทำซ้ำ ได้ดี ให้ฝึกพูดวันละ 3 ประโยค ประโยคละ 20 รอบ ต้องทำให้ครบนะคะ ห้ามคิดว่า เราทำไม่ได้ ต้องฝึกให้เป็นนิสัย จนกลายเป็นอัตโนมัติ
o ต้องตั้งเป้าหมาย ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องใช้เวลา โดยให้ตั้งเป้าหมายระยะยาวก่อน เช่น ใช้เวลา 5 ปี แล้วย่อยเป็นเป้าปมายระยะสั้น เป็นระยะ 4 ปี – 3 ปี – 2 ปี – 1 ปี เป็นเดือน วัน หรือชั่วโมงก็ยังได้ คือหัดมองไปข้างหน้าว่า จะทำอะไรให้คืบหน้าไปได้บ้าง
ฉบับนี้ครูขวัญขอเริ่มต้นที่การฝึกออกเสียงแบบฝรั่งกันเลยแล้วกันค่ะ โดยใช้สระภาษาไทยมาแทนเสียงให้อ่านตามได้ง่ายขึ้น และได้เสียงใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ซึ่งเป็นนวัตกรรมการออกเสียง ที่ครูขวัญคิดขึ้นมาค่ะ ครูขวัญแนะนำให้ฝึกวันละ 3 ประโยค ประโยคละ 20 รอบ โดยมีเทคนิคเบื้องต้นดังนี้ค่ะ
o I (อา-อิ) ให้ลดเสียงได้เรื่อยๆ จะเหลือแต่ อา / อะ / เหลือแต่ลม (ถ้าดูหนังบ่อยๆ จะเห็นว่า บางครั้งออกเสียงเร็วจนดูเหมือนไม่ออกเสียงค่ะ)
o Th ให้แลบลิ้นวางระหว่างฟัน พ่นลมสักหลายรอบก่อน แล้วค่อยออกเสียง
o T ให้ฝึกออกเสียง ถึถึถึถึถึถึถึ...โดยฝึกพ่นลมเฉยๆ ถี่ๆ
o การเชื่อมเสียงระหว่างคำ ให้ฝึกหยุดที่สระ และเอาเสียงตัวสะกด กลืนไปรวมกับพยางค์หน้าของคำถัดไป
o ให้ฝึกอ่านเร็วๆ ไม่ให้มีช่องว่างระหว่างพยางค์ แล้วใส่อารมณ์ในการพูดเข้าไปด้วย
1. I love English. (อา-อิ-เลอ-วิง-ลิช) ฉันชอบภาษาอังกฤษ
2. I believe English is a learnable skill. (อะ-บึ-ลี-วิง-ลิ-ฉิ-สึ-เลอ-เนอะ-เบอะ-สึ-กิ-ลึ) ฉันเชื่อว่า ภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้
3. I read three sentences a day everyday. (อะ-รี-ดึ-ธึ-รี-เซะ-ทึน-สึ-สึ-เด-เอะ-วึ-รึ-เด) ฉันอ่านภาษาอังกฤษวันละ 3 ประโยคทุกวัน
4. I plan to buy a house in 5 years. (อะ-แพลน –ถึ-บา-อิ-อะ-ฮา-เออะ-ซิน-ฟา-อิ-วึ-ยี-เออร์-สึ) ฉันวางแผนจะซื้อบ้านให้ได้ภายใน 5 ปี
5. I have to finish my report by 4 today. (อา-อิ-แฮ-ถึ-ฟิ-นิ-ฉึ-มา-รี-โพ-เหรอะ-บา-โฟ-ถึ-เด) ฉันต้องทำรายงานให้เสร็จก่อน 4 โมงเย็นวันนี้ให้ได้
ลองฝึกดูนะคะ ถ้าออกเสียงชัด เราจะมีความมั่นใจในการสื่อสารมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยค่ะ มุ่งมั่น ขยัน อดทน เราต้องทำได้แน่ค่ะ