รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนำคณะผู้บริหารพลังงานไทยเยือนยูเออีหาช่องลงทุนปิโตรเลียม ย้ำความสัมพันธ์พลังงานไทย-ยูเออี ดีเยี่ยม
ภาพจาก www.energy.go.th
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนำคณะผู้บริหารพลังงานไทยเยือนยูเออีหาช่องลงทุนปิโตรเลียม ย้ำความสัมพันธ์พลังงานไทย-ยูเออี ดีเยี่ยม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเผยความสัมพันธ์พลังงานไทย-ยูเออี ดีเยี่ยม แย้มนำคณะผู้บริหาร ภาคพลังงานของไทยหาลู่ทางการลงทุนในโครงข่ายปิโตรเลียมร่วมกับสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลัง เข้าพบและหารือข้อราชการกับนายโมฮัมหมัด บิน เดียน อัลฮัมลี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E.) ว่าได้เดินทางไปเยือนกรุงอาบูดาบี ร่วมกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยกับยูเออี ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปคที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี
โดยในการหารือข้อราชการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทยและยูเออีได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจของโลก ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชีย และลู่ทางความร่วมมือระหว่างบริษัทน้ำมันแห่งชาติของทั้งสองประเทศในการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การพัฒนาโครงข่ายพลังงานและการจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของยูเออียังได้สอบถามถึงและแสดงความสนใจในโครงการแลนด์บริดจ์และการจัดตั้งคลังสำรองและท่อส่งน้ำมันเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งจากทะเลอันดามันกับทะเลจีนตอนใต้ของไทย และลู่ทางความร่วมมือด้านพลังงานในอนาคตระหว่างบริษัท ADNOC และปตท.
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของทั้งสองประเทศยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมพลังงานทดแทนของไทยโดยเฉพาะด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuels) และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก ซึ่งยูเออีก็มีโครงการส่งเสริมพลังงานทดแทนเช่นกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการเมืองใหม่ Masdar City ที่มีเป้าหมายในการเป็นเมืองที่ใช้พลังงานทดแทนร้อยเปอร์เซ็นต์และไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ (carbon-neutral)
และมีโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ในปี พ.ศ.2560 (2017) เพื่อรองรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย
นายพิชัย กล่าวเสริมว่า ยูเออีเป็นประเทศพันธมิตรด้านพลังงานที่สำคัญของไทย โดยปัจจุบันไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากยูเออีมากเป็นอันดับหนึ่ง ถึง 280,000 บาร์เรลต่อวันของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ผ่านการซื้อขายในรูปแบบของสัญญาระยะยาว ระหว่างบริษัท ADNOC (ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของ ยูเออี) กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ของไทย
นอกจากนี้ กรุงอาบูดาบี ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ (Headquarters) ของทบวงการพลังงานทดแทนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency หรือ IRENA) ซึ่งไทยมีความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของ IRENA อีกด้วย เพื่อชูบทบาทของไทยในการเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับการเดินทางไปเยือนกรุงอาบูดาบีร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย ได้นำคณะผู้บริหารจากภาคพลังงานของไทยรวมทั้งบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) และบริษัท ไทยออยล์จำกัด (มหาชน) ร่วมเดินทางมาเพื่อขยายโอกาสการลงทุนด้านพลังงานของไทยในต่างประเทศด้วย