เนื้อหาวันที่ : 2007-04-24 09:15:22 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1822 views

ยูบิส เคาะราคาไอพีโอ 1.75 บาท ขาย 26-27 เมษานี้

บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS ผู้นำตลาดยางยาแนวฝากระป๋องและ แลคเกอร์เคลือบกระป๋องครบวงจรของไทย เดินหน้าขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในราคา 1.75บาท คาดได้กว่า 77 ล้านบาท

 

 

 

ยูบิส เคาะราคาไอพีโอ 1.75 บาท ขาย 26-27 เมษานี้ มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ระดมทุนกว่า 77 ล้านบาท พร้อมโชว์รายได้ทั้งปีสูงถึง 463 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง 10-12% ทุกปี

.

บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS ผู้นำตลาดยางยาแนวฝากระป๋องและ แลคเกอร์เคลือบกระป๋องครบวงจรของไทย เดินหน้าขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในราคา 1.75บาท คาดระดมทุนได้กว่า 77 ล้านบาท ฝั่งเอเซียพลัสมั่นใจขายหมดเกลี้ยงทั้ง 45 ล้านหุ้น เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานดี และตั้งราคาขายที่ P/E ประมาณ 8.33 เท่าเทียบกับ P/E ของตลาด mai ที่ 9.26 เท่า (ณ วันที่ 18 เมษายน 2550) คิดเป็นส่วนลดถึง 10%

.

นายสวง ทั่งวัฒโนทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยางยาแนวฝากระป๋องและแลคเกอร์เคลือบกระป๋อง ซึ่งเป็นวัสดุจำเป็นสำหรับการผลิตกระป๋อง เปิดเผยในงานเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนว่า บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 145 ล้านบาทเป็น 190 ล้านบาท โดยจะจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 45 ล้านหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปในราคาหุ้นละ 1.75 บาท และ พนักงานบริษัทในราคาส่วนลด 20% จากราคาที่เสนอขายแก่ประชาชน (ราคาพาร์ 1 บาท) โดยจะเปิดจองซื้อในวันที่ 26 และ 27 เมษายนนี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้

.

"เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขยายตัวของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เฉลี่ยอยู่ที่ 10-12% ต่อปี โดยในปี 2549 บริษัทมีรายได้รวม 463 ล้านบาท กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจของบริษัทเติบโตคู่ไปกับอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องในประเทศที่มีการเติบโตต่อเนื่องด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยของมูลค่าตลาดปีละ 10% และบริษัทยังมีการขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไปในต่างประเทศ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป เป็นต้น" นายสวงกล่าว

.

นายสว่าง ทั่งวัฒโนทัย ผู้อำนวยการสายปฏิบัติการ บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการชำระหนี้ระยะสั้น และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการ ขยายกิจการ โดยเฉพาะปีนี้บริษัท มีแผนขยายอัตราส่วนรายได้จากการส่งออกเป็น 40% เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีสัดส่วน 30% ของรายได้รวม 

.

โดยภายหลังการเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทจะปลอดหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย จากในปัจจุบันที่มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 0.34 เท่า นอกจากนี้บริษัทยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยจะเสียภาษีในอัตราที่ลดลงจาก 30% เหลือในอัตรา 20% เป็นเวลา 3 รอบปีบัญชีนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป"

.

บริษัทมุ่งเน้นการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ยางยาแนวฝากระป๋อง และแลคเกอร์เคลือบกระป๋องจนได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท Henkel KGaA ผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์รายใหญ่จากประเทศเยอรมัน เพื่อนำลิขสิทธิ์การผลิตยางยาแนวฝากระป๋องของยูบิส ไปทำตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ

.

อเมริกาใต้ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายธุรกิจในประเทศจีนอย่างเต็มตัวด้วยการเข้าครอบครองกิจการบริษัท ไวต้า อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง (กว่างโจว) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่าย และ ในปัจจุบันได้ขยายธุรกิจในกลุ่มกระป๋องสเปรย์เป็นที่แพร่หลายอย่างสูงในประเทศจีนนายสว่างกล่าว

.

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บริษัทเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของยูบิส (เอเชีย)จำนวน 45 ล้านหุ้นร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด

.

"บริษัทมีความมั่นใจว่าหุ้นของยูบิส (เอเชีย) จะได้รับความสนใจอย่างสูงจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานดีอยู่ในธุรกิจบริการด้านเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง พร้อมทั้งราคาไอพีโอที่ 1.75บาทนั้น  มีความน่าสนใจมากที่ P/E ประมาณ8.33 เท่าซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ P/E ของ MAI (ณ วันที่ 18 เมษายน 2550) ที่ 9.26 เท่าคิดเป็นส่วนลดถึง 10% ยิ่งไปกว่านั้น ยูบิส จะมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจะไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยหลังการเพิ่มทุน  ด้วยโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งนี้ จะทำให้ยูบิสมีศักยภาพในการเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง" ดร.ก้องเกียรติกล่าว

.

อนึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทางบริษัทได้จัดสรรหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป 41 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่พนักงานและผู้บริหารของบริษัทจำนวน 4 ล้านหุ้น โดยให้ส่วนลดให้แก่พนักงานในอัตรา 20% และมีระยะเวลาติด Silent Period เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน