เนื้อหาวันที่ : 2011-11-15 16:33:22 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 817 views

กองทุนอสังหาฯเอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามันพร้อมซื้อขาย 15 พ.ย.นี้

กองทุนอสังหาฯเอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน เข้าซื้อขาย 15 พ.ย.บลจ.เอ็มเอฟซีมั่นใจเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ

กองทุนอสังหาฯเอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน เข้าซื้อขาย 15 พ.ย.บลจ.เอ็มเอฟซีมั่นใจเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ

บลจ.เอ็มเอฟซี เดินหน้านำหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน” (M-AAA) เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุนซื้อขายตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.นี้เป็นต้นไป เชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวแถบทะเลอันดามันไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม และยังมีโอกาสเติบโต ทำให้ทรัพย์สินที่ลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
 
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจาก บลจ.เอ็มเอฟซี ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน” (M-AAA) มูลค่า 2,120 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย โดยนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าในระหว่างการเสนอขายนั้น จะเกิดภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ

รวมทั้งบางส่วนของกรุงเทพมหานครก็ตาม ล่าสุด บริษัทฯ ได้นำหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเข้าทำการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ภายใต้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “M-AAA” หมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

“เราเชื่อว่า การนำหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากในช่วงเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) กองทุนได้รับความสนใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่หลายจังหวัดของประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานครประสบกับภาวะน้ำท่วม ทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากไม่สะดวกที่จะจองซื้อหน่วยลงทุนในช่วงการเสนอขาย IPO ดังนั้น การเข้าซื้อขายในตลาดรองอย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็จะเป็นอีกช่องทางที่ทำให้นักลงทุนที่พลาดการจองซื้อสามารถเข้ามาลงทุนซื้อขายหน่วยลงทุนได้ และยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอีกด้วย” นางสาวประภากล่าว

นายทอมมี่ เตชะอุบล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ซึ่งดูแลรับผิดชอบด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน กล่าวว่ากาารลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นการตอบโจทย์ของนักลงทุนที่แสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในภาวะที่การลงทุนยังมีความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรป ที่ทำท่าจะลุกลามขยายไปยังอิตาลี

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีทีท่าฟื้นตัว ประกอบกับเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย ที่กระทบกับภาคผลิต ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลดลง ดังนั้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง อสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาวและสามารถสู้กับเงินเฟ้อได้

“ในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยวกับผลกระทบจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ เราเชื่อว่า จะกระทบในบางพื้นที่เท่านั้น ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญโดยเฉพาะในแถบอันดามันจะไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุน คือ  โรงแรมพีพี ไอแลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา รีสอร์ทหรูระดับ 4.5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ นั้น มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยสูงถึงกว่าร้อยละ 85 ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่า อัตราการเติบโตของกองทุนจะยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม รวมถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจแต่อย่างใด” นายทอมมี่กล่าว

สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน” จะเข้าลงทุนด้วยการซื้อกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในโรงแรมพีพี ไอแลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา รีสอร์ทหรูระดับ 4.5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ โดยกองทุนนี้มีรายได้ที่แน่นอน และปรับเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี จากการให้บริษัท พีพี วิลเลจ แอสเซ็ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารเดิม ดำเนินการเช่าทรัพย์สินเป็นระยะเวลา 15 ปี รวมทั้งมีหลักประกันการเช่าทรัพย์สินอีก 6 เดือน

โดยได้ว่าจ้างผู้บริหารโรงแรม คือ Outrigger Enterprises Group ซึ่งก่อตั้งในฮาวาย และเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการบริหารธุรกิจโรงแรมในแถบเอเชียแปซิฟิคขนาดใหญ่ โดยมีประสบการณ์กว่า 60 ปีในการ บริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ทในหลายประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน Outrigger บริหารทรัพย์สินกว่า 45 แห่ง รวมมากกว่า 11,000 ห้องพักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นที่ฮาวาย ออสเตรเลีย ฟิจิ เกาะกวม บาหลี จีน เวียดนาม และไทย

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน