จีนเปิดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกร้อนแรงเกินคาด ทำสถิติกว่า 11 % กระทบตลาดหุ้นทั่วโลกปิดตัวลดลง หลังเกรงว่ารัฐบาลอาจออกมาตรการคุมเข้มทางการเงินในเร็ววันนี้
จีนเปิดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกร้อนแรงเกินคาด ทำสถิติกว่า 11 % กระทบตลาดหุ้นทั่วโลกปิดตัวลดลง หลังเกรงว่ารัฐบาลอาจออกมาตรการคุมเข้มทางการเงินในเร็ววันนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดแบงก์ชาติจีนอาจมีแผนขึ้นดอกเบี้ยสองครั้งภายในปีนี้ ทั้งแนะให้ปรับค่าเงินหยวนเพื่อลดตัวเลขเกินดุลการค้าที่เป็นปัจจัยหนึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ |
. |
ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสแรกของปี 2550 มีอัตรา 11.1% เทียบกับไตรมาสสี่ของปีก่อนซึ่งมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 10.4% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคการลงทุนและอุตสาหกรรมการส่งออก |
. |
นายเหวิน เจียเป่านายกรัฐมนตรีจีน กล่าวเตือนภายหลังมีการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจว่า รัฐบาลอาจจำเป็นต้องดำเนินมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจแปลงสถานะจากการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไป ทั้งเพื่อป้องกันการเกิดความผันผวนทางด้านราคา |
. |
ตลาดหุ้นในจีนและทั่วโลกต่างปรับตัวลดลงต่อข่าวการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ด้วยมีการคาดกันว่ารัฐบาลจีนอาจดำเนินมาตรการคุมเข้มทางการเงินด้วยการปรับเพิ่มดอกเบี้ยในไม่ช้า โดยตลาดหุ้นในจีนปรับตัวลง 4.52% ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 2.3% ขณะที่ตลาดหุ้นนิกเกอิในญี่ปุ่นก็ปรับตัวลง 1.7% รวมถึงตลาดในหุ้นยุโรป เอฟทีเอสยูโรเฟิส์ต 300 ก็ปรับลงไป 0.35% |
. |
การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งบริษัทและคนทั่วไปต่างโยกเงินออมไปลงตลาดหุ้นกันหมดเพราะภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทำให้ได้ผลตอบแทนไม่คุ้ม แต่หากปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับบวกก็จะช่วยดึงเงินในตลาดหุ้นกลับเข้ามาในระบบธนาคารได้อีกครั้ง |
. |
ทางด้านนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองไปในทางเดียวกันว่ามีแนวโน้มที่รัฐบาลจีนจะประกาศปรับเพิ่มมาตรการทางการเงินที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นเพื่อควบคุมทิศทางเศรษฐกิจ โดยนายสตีเฟน กรีน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารสแตนดาร์ด ชาเตอร์ดในเซี่ยงไฮ้คาดว่าจีนมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงสองครั้งภายในปีนี้ หลังประกาศขึ้นไปแล้วเมื่อกลางเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าหนึ่งในสองครั้งน่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนเม.ย. นี้ |
. |
เช่นเดียวกับนายคริส เหลียง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารดีบีเอสในฮ่องกง ที่มองว่าอย่างน้อยรัฐบาลจีนน่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีกสองครั้ง ทั้งยังอาจรวมถึงการเพิ่มข้อกำหนดสัดส่วนเงินสำรองของธนาคารโดยอาจปรับเพิ่มสัดส่วนสูงถึง 12% จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 10.5%และเพิ่มมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้น |
. |
แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมแล้วสามครั้ง และเพิ่มสัดส่วนเงินสำรองของธนาคารไปแล้วหกครั้งในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ รัฐบาลยังพยายามควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วยการจำกัดเรื่องการใช้ที่ดินในประเทศ การกวดขันเรื่องการอนุมัติโครงการลงทุนด้านต่างๆ และปรับลดการคืนภาษีให้กับภาคการส่งออกในอุตสาหกรรมเหล็กและสิ่งทอเพื่อลดการลงทุนเพิ่ม |
. |
ขณะที่นายหลี่ เสี่ยวเฉา โฆษกสำนักสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า รัฐบาลยังมองลู่ทางกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้สูงขึ้นเพื่อปรับสมดุลเศรษฐกิจที่พึงพิงการลงทุนและการส่งออกมากเกินไป ซึ่งการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสมถือเป็นภารกิจที่ท้าทายรัฐบาลจีนอย่างมาก |
. |
อย่างไรก็ตามนายฮี เชง นักวิเคราะห์จากชางเจียง ซีเคียวริตี้ในเซี่ยงไฮ้แสดงทรรศนะว่าอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจคือ ธนาคารกลางจีนควรปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าให้เร็วขึ้นกว่านี้อีก เพราะดุลการค้าที่จีนได้ในช่วงที่ผ่านมาอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกเติบโตขึ้นอย่างมาก |
. |
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ |