เนื้อหาวันที่ : 2007-04-18 10:16:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2311 views

อินเทล เซนทริโน โปร เพิ่มคุณสมบัติจัดการระบบแบบไร้สายและความปลอดภัย

สามารถบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ทั้งแบบเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วยวิธีการแบบไร้สายอย่างได้ผล

 

อินเทล คอร์ปอเรชั่น ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า อินเทลเซนทริโนโปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี (Intel® Centrino® Pro processor technology) ซึ่งเป็นนับเป็นการต่อยอดจากนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมของอินเทลวีโปรโปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี (Intel® vPro™ processor technology) ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท้อปเพื่อองค์กรธุรกิจ มาไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่  เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ทั้งแบบเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วยวิธีการแบบไร้สายอย่างได้ผล เช่น ปัญหาทางด้านความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ การจัดสรรทรัพยากร และการบริหารสินทรัพย์ทางธุรกิจ

.

มร. มูลี่ อีเดน รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์โมบายล์ของอินเทล กล่าวว่า " อินเทล เซนทริโน  โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี เป็นการนำศักยภาพที่มีอยู่ใน อินเทล วีโปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยีมารวมไว้ในแบรนด์ อินเทล เซนทริโน  ซึ่งเป็นแบรนด์ของเทคโนโลยีบนโน้ตบุ๊กที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตอนนี้จึงถือได้ว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว เพราะเรายังคงมองเห็นทิศทางการเติบโตของโน้ตบุ๊กสำหรับแวดวงธุรกิจมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

.

ด้วยคุณสมบัติของ อินเทล เซนทริโน  โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี จึงทำให้ผู้จัดการด้านไอทีสามารถจัดการและปกป้องโน้ตบุ๊กผ่านระบบเครือข่ายไร้สายแบบไวไฟ (Wi-Fi)  นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการยังสามารถบริหารจัดการคอมพิวเตอร์ทั้งแบบเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊กที่มีการเชื่อมต่ออยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ไม่ว่าเครื่องลูกข่ายนั้นจะเปิดใช้งานอยู่หรือไม่หรือจะอยู่ในอาการผิดปกติก็ตาม***  จะเห็นได้ว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ ทำให้ระบบป้องกันต่างๆ สามารถทำได้อย่างรัดกุมมากขึ้น การทำงานร่วมกันของแผนกไอทีจะราบรื่นมากกว่าเดิม การตรวจสอบสินทรัพย์ของบริษัท (เครื่องพีซีและโน้ตบุ๊ก) สามารถทำได้แม่นยำมากขึ้น และถ้าหากระบบเกิดมีปัญหาขึ้นมา แผนกซัพพอร์ตก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางไปแก้ไขที่ตัวเครื่อง เพราะสามารถแก้ไขผ่านเครือข่ายได้ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจไม่หยุดชะงัก

.
บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกได้นำเทคโนโลยี วีโปร ไปใช้กันแล้ว

แวดวงธุรกิจได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีวีโปร ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการจัดการระบบและเรื่องของการประหยัดต้นทุนทางด้านการซัพพอร์ต จึงทำให้เทคโนโลยี วีโปร ได้รับการยอมรับและมีการนำไปใช้กันอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง บริษัทต่างๆ กว่า 200 รายทั่วโลกที่นำเอาเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวไปใช้ ได้แก่ BMW*, FujiFilm*, ING*, Johns Hopkins*, Marriott* และ Pioneer เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทต่างๆ เหล่านี้ยังพร้อมที่จะนำเอาเทคโนโลยี อินเทล เซนทริโน  โปร มาใช้งานร่วมกับระบบเดิมทันทีที่เทคโนโลยีดังกล่าววางตลาด ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวในปีนี้

.

ทางด้านบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ๆ ต่างก็ขานรับเทคโนโลยีใหม่นี้กันโดยถ้วนหน้าเช่นกัน ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและออกแบบโซลูชั่นใหม่ๆ มาสนับสนุนเทคโนโลยี อินเทล เซนทริโน  โปร  บริษัทต่างๆ ดังกล่าวได้แก่ Altiris*, CA Inc.*, Cisco*, Credant Technologies*, Hitachi JP1*, HP*, Microsoft*, LANDesk* และ Trend Micro เป็นต้น

.

สำหรับการเปิดตัว อินเทล เซนทริโน  โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยีคาดว่าจะเกิดขึ้นในราวไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ อินเทล เซนทริโน เจนเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งใช้ชื่อรหัสว่า ซานตา โรซา” ( Santa Rosa )  หัวใจสำคัญของแพลตฟอร์มใหม่ดังกล่าว ยังคงอยู่ที่ อินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ ที่มีการปรับปรุงใหม่ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้น

.

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มใหม่ดังกล่าวยังมาพร้อมกับระบบเครือข่ายไร้สายที่ปรับปรุงใหม่คือ  Intel® Next-Gen Wireless-N ที่พัฒนาขึ้นภายใต้ร่างมาตรฐาน 802.11n ซึ่งให้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า** และมีระยะใช้งานไกลกว่าเดิมสองเท่า** นอกจากนี้ระบบกราฟิกที่ปรับปรุงใหม่ในแพลตฟอร์มรุ่นใหม่นี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ วิสต้า และอินเทอร์เฟซแบบ Aero* ได้ด้วย อีกทั้งยังมีคุณสมบติใหม่ที่ชื่อว่า Intel® Turbo Memory ซึ่งช่วยให้การโหลดแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้งานบ่อยๆ ทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า และยังช่วยให้การบู้ธเครื่องเร็วขึ้นอีกร้อยละ 20 อีกด้วย4