พิชัย เผย กพช.ไฟเขียวตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีถึงปี 2555 ก่อนทยอยปรับขึ้นราคา พร้อมอนุมัติกู้เงินกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน
พิชัย เผย กพช.ไฟเขียวตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีถึงปี 2555 ก่อนทยอยปรับขึ้นราคา พร้อมอนุมัติกู้เงินกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า กพช.มีมติขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซธรรมชาติทุกชนิด คือ ก๊าซเอ็นจีวี ตรึงราคาที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และคงอัตราเงินชดเชย 2 บาทต่อกิโลกรัมถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 พร้อมจัดทำบัตรเครดิตพลังงานและการปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่แอลพีจีเป็นเอ็นจีวี
หลังจากนั้นจะทยอยปรับขึ้นราคาเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม เริ่มวันที่ 16 มกราคม – ธันวาคม 2555 , ก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนตรึงไปถึงสิ้นปี 2555 , ก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งตรึงที่ราคา 18.13 บาทต่อกิโลกรัมไปถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 หลังจากนั้นจะทยอยปรับขึ้นราคาเดือนละ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม รวมเป็น 9 บาทต่อกิโลกรัม และก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1 บาทต่อกิโลกรัม
เริ่มมกราคม 2555 ลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการชดเชยการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศและชะลอการเติบโตของการใช้แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 180 ล้านบาทต่อเดือน รวมทั้ง จะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร และน้ำมันเบนซิน 95 ,91 และแก๊สโซฮอล์ ในอัตรา 1 บาทต่อลิตร เริ่มวันที่ 16 มกราคม 2555
ทั้งนี้ หากมีการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี เอ็นจีวี และปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว จะทำให้สถานะกองทุนน้ำมันฯ กลับมาเป็นบวก 3,877 ล้านบาทในสิ้นปีหน้า ส่วนการพิจารณายกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ยังไม่มีมติต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ทั้งนี้ รัฐบาล ได้รับภาระการอุดหนุนราคาแอลพีจีตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน รวม 57,039 ล้านบาท หรือ 380 ล้านตัน
นอกจากนี้ กพช. ยังมีมติอนุมัติกรอบเงินกู้เสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 10,000 ล้านบาทภายในประเทศ ระยะเวลา 1 ปี คาด จะสามารถชำระหนี้คืนได้ภายในปลายปี 2555