DRT รับกระแสอิฐมวลเบาแรง ทุ่มทุนกว่า 700 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตอิฐมวลเบา รองรับความต้องการ ดันรายได้โตต่อเนื่อง
DRT รับกระแสอิฐมวลเบาแรง ทุ่มทุนกว่า 700 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตอิฐมวลเบา รองรับความต้องการ ดันรายได้โตต่อเนื่อง
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบแผนการลงทุนในเครื่องจักรผลิตสินค้าอิฐมวลเบา โดยใช้งบลงทุนในเครื่องจักรประมาณ 595 ล้านบาท เมื่อรวมกับการลงทุนในที่ดินด้วยแล้ว คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 712 ล้านบาท ทั้งนี้ จะมีการสร้างโรงงานเพื่อติดตั้งสายการผลิตใหม่เพื่อผลิตอิฐมวลเบา บนที่ดินแปลงใหม่ของบริษัทฯ ที่ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ตั้งโรงงานแห่งเดิม
สำหรับโรงงานใหม่ของบริษัทฯ นี้ จะติดตั้งเครื่องจักรผลิตอิฐมวลเบาจากบริษัท Masa GmbH ประเทศเยอรมัน ประกอบด้วย Preparation Plant, Cutting machine, Raw material handing and storage, Transport system และ Autoclave system เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตอิฐมวลเบา 280,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือคิดเป็น 3.7 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 16 เดือน คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตอิฐมวลเบาได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2556 นี้
“การอนุมัติการลงทุนในโครงการซื้อเครื่องจักรผลิตอิฐมวลเบานี้ ถือเป็นการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่อีกผลิตภัณฑ์หนึ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง และมุ่งแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายอัศนี กล่าว
ทั้งนี้ ในภาพรวมผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ในปี 2555 หลังจากรวมสายการผลิตที่ 10 แล้ว จะมีกำลังผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ประมาณ 507,000 ตันต่อปี กระเบื้องคอนกรีตประมาณ 245,000 ตันต่อปี อิฐมวลเบาประมาณ 140,000 ตันต่อปี
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า สายการผลิตใหม่สำหรับอิฐมวลเบานี้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่ปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านเดี่ยวนิยมใช้อิฐมวลเบามาก่อสร้างเป็นผนังภายในบ้านเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทำตลาดผลิตสินค้าอิฐมวลเบาภายใต้แบรนด์ตราเพชร เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาด ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี โดยตลาดของผนังรวมทุกวัสดุมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท โดยยังใช้อิฐมวลเบาไม่ถึง 10% ของตลาดรวม จึงมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก โดยมีแนวโน้มที่จะกินส่วนแบ่งตลาดของอิฐมอญและอิฐบล็อก
“หากโรงงานอิฐมวลเบาของบริษัทฯ เริ่มผลิตออกจำหน่ายได้ คาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ยังตอกย้ำกลยุทธ์ Everything in One ของบริษัทฯ ที่ต้องการนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ภายใต้แบรนด์เดียว ที่ช่วยทำให้บริษัทฯ มีขีดความสามารถการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น” นายสาธิตกล่าว